กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – เอกชนหวังรัฐบาล “อนุทิน” แก้ปัญหาเศรษฐกิจ -ปากท้องชาวบ้าน – ช่วย SME ฝ่าวิกฤต ชมทีมเศรษฐกิจ รมต.คนนอกออกมาดี หวังทำงานไปในทิศทางเดียวกันกับโค้วตาพรรคร่วมฯ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ของรัฐบาลภูมิใจไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า ตามที่ได้เห็นโผ ครม.ของนายอนุทิน ตามสื่อ ก็ต้องขอบคุณนายกฯ อนุทิน ที่รับฟังภาคเอกชน โดยก่อนหน้านี้ กกร.เคยบอกเอาไว้ว่าอยากได้ทีมเศรษฐกิจที่เป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีประสบการณ์ กล้าตัดสินใจทำงานได้ทันที ซึ่งขณะนี้รายชื่อรัฐมนตรีคนนอก โดยเฉพาะทีมที่มีรายชื่อออกมา ไม่ว่าจะเป็น รมว.คลัง และรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ คือ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งมีประสบการณ์การทำงาน โดยเฉพาะที่กรมสรรพากรที่ได้พัฒนาการใช้ดิจิทัลมาสร้างความง่าย สะดวก และโปร่งใสให้กับผู้เสียภาษี และความเป็นลูกหม้อกระทรวงการคลัง จึงเชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ทันที และยังมีนายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็น รมช. ที่มีความเข้าใจในเองการเงิน การคลัง และยังเป็นทีมงานนายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลัง จึงมั่นใจว่าการทำงานสามารถต่อติดได้ทันที 2 แรงแข็งขันของกระทรวงการคลังน่าจะเอาอยู่
ส่วน รมว.ต่างประเทศ ตามข่าวคือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ก็เป็นลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศ มีประสบการณ์มากมาย จึงเชื่อว่าจะมีเครือข่ายคอนเนกชั่น มีความเข้าใจในบริบทที่ดี ส่วน รมว.พาณิชย์ ที่มีรายชื่อนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ก็ผ่านงานบริษัทระดับโลกมากมาย คิดว่าในเรื่องการต่างประเทศไม่น่ามีปัญหา แต่อาจจะติดนิดเดียวที่ท่านไม่เคยอยู่ในระบบราชการมาก่อน อาจจะต้องใช้เวลาปรับจูน
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงเกษตร กระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน แต่ทั้งนี้รัฐมนตรีของกระทรวงดังกล่าวเป็นโควตาของคนในพรรคร่วม สิ่งที่ฝากคือ โควตาคนนอกที่ตอนนี้ออกมาค่อนข้างดีทางด้านเศรษฐกิจ แต่สำหรับโควตาพรรคร่วม ที่ต่างคนต่างมาจากคนละพรรค สิ่งที่จะทำอย่างไรให้มีการออกแบบการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งต้องเป็นคนที่มีบารมีเป็นคนที่จะตัดสินใจ เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาสั้นตาม MOA คือมีเวลาทำงานเพียง 4 เดือน ทุกนาทีมีค่ามากต้องทำงานอย่างเต็มที่ทุกวินาที และทุกคนทราบว่าปัญหาใหญ่ตอนนี้คือปัญหาเศรษฐกิจ ทำอย่างไรจะฟื้นกำลังซื้อ ลดค่าครองชีพพ สร้างรายได้ให้ประชาชน ลดหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังกดทับกำลังซื้อ ทำอย่างไรที่จะให้ภาคส่งออกที่เจอปัญหาความท้าทายรอบด้านทั้งภาษี การแย่งตลาด การไหลบ่าของสินค้าราคาถูกซึ่งส่งผลกระทบต่อ SME ไทย เหล่านี้คือภารกิจเร่งด่วน ซึ่งหลักในตอนนี้อยู่ที่กระบวนการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีคนนอก กับรัฐมนตรีที่อยู่ในระบบโควตา ในด้านเศรษฐกิจ จะทำอย่างไรให้การทำงานร่วมกันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ตรงจุด และรวดเร็วให้ทันการ โดยเฉพาะปัญหาการเงิน เงินกู้ SME เอสเอ็มอีต้องการการกระตุ้น การเติมเงิน และเรื่องความมั่นคง ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย กัมพูชา ยิ่งนานมูลค่าการค้าก็ยิ่งเสียหายมาก โดยรวมวันละ 500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ได้รับผลกระทบทั้งซัพพลายเชน ทั้งการลงทุน การนำเข้าวัตถุดิบ
“ใน 4 เดือนนี้ทำแค่นี้ก่อน คิดว่าจะช่วยประเทศได้เยอะ และเป็นการประคองจนกว่าจะมีการเลือกตั้งมีรัฐบาลถาวรในอนาคตต่อไป” นายเกรียงไกร กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย