กาฐมาณฑุ 9 ก.ย. – ผู้ชุมนุมต่อต้านการคอร์รัปชันในเนปาลฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว หรือ ห้ามออกนอกเคหะสถาน ที่บังคับใช้ตลอดเวลา โดยมีการปะทะกับตำรวจและตะโกนคำขวัญต่อต้านนายกรัฐมนตรีเค พี ชาร์มา โอลิ (K.P. Sharma Oli) หลังจากเหตุประท้วงที่รุนแรงจากคำสั่งห้ามใช้งานโซเชียลมีเดียทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 19 คน
รัฐบาลของนายโอลิได้ยกเลิกคำสั่งห้ามใช้งานโซเชียลมีเดียแล้ว หลังจากที่การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 รายและบาดเจ็บกว่า 100 ราย ภายหลังจากที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันจันทร์
ความไม่สงบครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจมาตั้งแต่การประท้วงที่นำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008
ในวันอังคาร นายโอลิยังได้เรียกประชุมพรรคการเมืองทุกพรรค โดยกล่าวว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและต้องหันมาใช้การเจรจาอย่างสันติเพื่อหาทางออกให้กับทุกปัญหา
อย่างไรก็ตาม ความโกรธเคืองต่อรัฐบาลยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลง เนื่องจากผู้ประท้วงได้รวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาและสถานที่อื่น ๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อท้าทายคำสั่งเคอร์ฟิวที่ทางการประกาศใช้ ผู้ประท้วงยังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตในการประท้วงเมื่อวันจันทร์ด้วย
ผู้ประท้วงบางส่วนได้จุดไฟเผายางรถยนต์บนถนนบางสาย ขว้างก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลที่ไล่ติดตามพวกเขาไปตามตรอกซอกซอยที่แคบ ขณะที่บางคนเฝ้าดูและถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ปะทะกันด้วยโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ควันดำหนาทึบพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า พยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ผู้ประท้วงจุดไฟเผาบ้านของนักการเมืองบางคนในกรุงกาฐมาณฑุ และสื่อท้องถิ่นรายงานว่ารัฐมนตรีบางคนถูกเฮลิคอปเตอร์ทหารนำตัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
นายโอลิ วัย 73 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สี่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของประเทศนับตั้งแต่ปี 2008 รัฐมนตรีสองคนในคณะรัฐมนตรีของเขาได้ลาออกเมื่อคืนวันจันทร์ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการดำรงตำแหน่งต่อไปด้วยเหตุผลทางศีลธรรม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของนายโอลิได้ประกาศคำสั่งห้ามใช้งานโซเชียลมีเดีย โดยปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่ง รวมถึงเฟซบุ๊ก หลังจากกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มเหล่านั้นไม่สามารถขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลได้ นักวิจารณ์กล่าวว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งรัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิดเพื่อเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและกระทำการฉ้อโกง รวมถึงข้อกังวลอื่น ๆ.-813.-สำนักข่าวไทย