‘ทรัมป์’ ฟ้อง ‘นิวยอร์ก ไทมส์’ 15,000 ล้านดอลลาร์ ในคดีหมิ่นประมาท

นิวยอร์ก 15 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” (The New York Times), นักข่าว 4 คน และสำนักพิมพ์ “เพนกวิน แรนดอม เฮาส์” (Penguin Random House) ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินอย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.54 แสนล้านบาท) ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นายทรัมป์อ้างถึงบทความหลายชิ้นของเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รวมถึงบทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 ซึ่งระบุว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง และยังรวมถึงหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี 2024 โดยสำนักพิมพ์ เพนกวิน ชื่อ “Lucky Loser : How Donald Trump Squandered His Father’s Fortune […]

‘โคอิซูมิ’ และ ‘ฮายาชิ’ สมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคแอลดีพี

โตเกียว 16 ก.ย. – รัฐมนตรีเกษตรและหัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่น โดยประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนหน้า เพื่อหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทนนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง นายอิชิบะได้ประกาศลาออกในเดือนนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั้งการเลือกตั้งสภาล่างและสภาสูง นายชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีเกษตร กล่าวในการแถลงข่าวว่า เขาได้แจ้งผู้สนับสนุนถึงความตั้งใจที่จะลงสมัครรับตำแหน่งผู้นำพรรคแอลดีพีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีนายคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลัง ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมหาเสียงให้เขา นายชินจิโร โคอิซูมิ ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ประสบความสำเร็จอยู่บ้างในการควบคุมราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ทางด้านนายคาโตะ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงน้อยที่สุดในการเลือกตั้งผู้นำพรรคแอลดีพี เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กล่าวว่า ครั้งนี้เขาจะสนับสนุนโคอิซูมิ เพื่อความสามัคคีภายในพรรค นายโยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าโฆษกรัฐบาลของนายอิชิบะ ได้ประกาศลงสมัครผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ โดยเขาโพสต์ข้อความว่า เขามุ่งมั่นที่จะนำพาคณะบริหารชุดใหม่ที่สร้างสมดุลระหว่างเสถียรภาพและการเติบโต โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความสำเร็จทั้งหมดของเขา นายโทชิมิตสึ โมเตงิ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นคนแรกที่ประกาศลงสมัครเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามมาด้วยนายทากายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่นางซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ก็คาดว่าจะประกาศลงสมัครในสัปดาห์นี้เช่นกัน และเธออาจได้เป็นผู้นำหญิงคนแรกของญี่ปุ่นก็ได้ […]

ไต้หวันเปิดตัวคู่มือป้องกันภัยพลเรือนฉบับใหม่

ไทเป 16 ก.ย. – กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดตัวคู่มือป้องกันภัยพลเรือนฉบับปรับปรุงใหม่เมื่อวันอังคาร โดยระบุว่าไม่ได้มีเป้าหมายที่จะสร้างความตื่นตระหนก แต่เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดวิกฤต เช่น การโจมตีจากจีน ซึ่งอ้างสิทธิ์ว่าดินแดนแห่งนี้เป็นของตนเอง ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ได้ยกระดับการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันประเทศ เนื่องจากจีนได้เพิ่มกิจกรรมทางทหารรอบเกาะในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และไต้หวันได้เรียนรู้บทเรียนจากการป้องกันประเทศของยูเครนที่เผชิญการรุกรานจากรัสเซีย คู่มือฉบับใหม่ของไต้หวัน ระบุถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่ไต้หวันอาจเผชิญ ตั้งแต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างคลื่นสึนามิ ไปจนถึงการรุกรานเต็มรูปแบบ โดยคู่มือนี้เป็นฉบับที่สามหลังจากที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2022 นายเสิ่น เหว่ยจื้อ ผู้อำนวยการสำนักงานระดมกำลังป้องกันภัยของกองทัพไต้หวัน กล่าวในการแถลงข่าวที่กระทรวงกลาโหมว่า จะมีการพิมพ์คู่มือจำนวน 5,000 เล่มเพื่อแจกจ่ายในเบื้องต้น และสามารถดาวน์โหลดได้ทางออนไลน์ รวมถึงมีการจัดทำฉบับภาษาอังกฤษด้วย เขากล่าวว่า มีผู้สงสัยว่า เหตุใดจึงเปิดตัวคู่มือนี้ในช่วงเวลาที่สงบ รัฐบาลไม่ได้ต้องการสร้างความตื่นตระหนก แต่ต้องการบอกให้ผู้คนทราบว่าจะต้องเตรียมตัวในยามสงบ เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดวิกฤตจะรู้ว่าจะต้องทำอะไร เขาระบุว่า ยิ่งเตรียมตัวเร็วเท่าไหร่ ยิ่งศึกษาคู่มือเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปลอดภัยเร็วขึ้นเท่านั้น นายเสิ่นกล่าวว่ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนนำคู่มือฉบับนี้ใส่ไว้ในกระเป๋าฉุกเฉินซึ่งมีอุปกรณ์จำเป็นและเก็บไว้ในจุดที่หยิบได้ง่าย นอกจากนี้ คู่มือยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรับฟังวิทยุเพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารในกรณีที่อินเทอร์เน็ตล่ม การใช้โทรศัพท์บ้านสำหรับสายด่วนของรัฐบาล และคำแนะนำให้ไปที่สถานีตำรวจหรือสำนักงานรัฐบาลประจำท้องถิ่นเพื่อรับข้อมูลที่ได้รับการยืนยันหากไม่สามารถเข้าถึงการออกอากาศทางวิทยุได้.-813.-สำนักข่าวไทย

เผย ‘ออราเคิล’ มีส่วนให้ ‘ติ๊กต็อก’ ให้บริการในสหรัฐต่อได้

วอชิงตัน 16 ก.ย. – ซีบีเอส นิวส์ รายงานในวันจันทร์ว่า ออราเคิล บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่จะช่วยให้ “ติ๊กต็อก” สามารถดำเนินกิจการในสหรัฐต่อไปได้ หากข้อตกลงกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐและจีน สามารถหาข้อยุติในขั้นสุดท้ายได้ รายงานของซีบีเอส ระบุว่า โครงสร้างที่แน่ชัดของข้อตกลงยังไม่ชัดเจน แต่ข้อตกลงนี้จะครอบคลุมหลายบริษัทที่จะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนกล่าวในวันจันทร์ว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงกรอบความร่วมมือเพื่อเปลี่ยน “ติ๊กต็อก” ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐ ซึ่งจะมีการยืนยันเมื่อมีการพูดคุยหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในวันศุกร์นี้ หลังการประชุมกับคณะเจรจาของจีนในกรุงมาดริดของสเปน นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า กำหนดเส้นตายในวันที่ 17 กันยายน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้งาน “ติ๊กต็อก” แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมในสหรัฐ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้คณะเจรจาของจีนบรรลุข้อตกลงที่เป็นไปได้นี้ เขากล่าวว่ากำหนดเส้นตายดังกล่าวสามารถขยายได้อีก 90 วัน เพื่อให้ข้อตกลงแล้วเสร็จ แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม ข้อตกลงที่เป็นไปได้สำหรับ “ติ๊กต็อก” ซึ่งมีออราเคิลเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาที่คพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ซึ่งเคยผ่านกฎหมายในปี 2024 ที่กำหนดให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ […]

‘ทรัมป์’ ระบุไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนอิสราเอลโจมตีในกาตาร์

วอชิงตัน 16 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ไม่ได้แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเห็นของนายทรัมป์มีขึ้นหลังจากสำนักข่าว แอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า นายเนทันยาฮูได้แจ้งประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนการโจมตีเล็กน้อย ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์เคยกล่าวว่า พวกเขาได้รับแจ้งเมื่อขีปนาวุธถูกยิงไปแล้ว ทำให้นายทรัมป์ไม่มีโอกาสที่จะคัดค้านการโจมตีดังกล่าว แต่ แอ็กซิออส รายงานโดยอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่า ทำเนียบขาวรับทราบเรื่องนี้ก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าจะมีเวลาจำกัดในการยับยั้งการโจมตีก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิสราเอลได้พยายามสังหารผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วยการโจมตีทางอากาศในกาตาร์ ซึ่งเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลาง การโจมตีครั้งนี้ถูกประณามอย่างกว้างขวางทั้งในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ ว่าเป็นการกระทำที่อาจยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังเปราะบางอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะโจมตีกาตาร์ เมื่อถูกถามในวันจันทร์ว่า ยสบเนทันยาฮูได้พูดคุยกับเขาโดยตรงเพื่อแจ้งเตือนว่าอิสราเอลจะโจมตีผู้นำฮามาสในกาตาร์หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อิสราเอลไม่ได้บอกเขาในเรื่องนี้ สำนักงานของนายเนทันยาฮูกล่าวย้ำหลังรายงานของ แอ็กซิออสว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นปฏิบัติการของอิสราเอลแต่เพียงผู้เดียว.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐโจมตีเรือขนยาเสพติดจากเวเนซุเอลาอีกครั้ง คร่า 3 ชีวิต

วอชิงตัน 16 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันจันทร์ว่า กองทัพสหรัฐโจมตีเรือต้องสงสัยว่าเป็นของขบวนการค้ายาเสพติดจากเวเนซุเอลา ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่สหรัฐ นับเป็นการโจมตีเรือขนยาเสพติดครั้งที่สองในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายทรัมปฺ์ระบุด้วยว่ามีชาย 3 คนเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในน่านน้ำสากล นายทรัมป์ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ ยืนยันว่าเรือลำดังกล่าวบรรทุกยาเสพติด นายทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางแอปพลิเคชัน “ทรูธโซเชียล” (Truth Social) ของเขาว่า กองกำลังทหารสหรัฐโจมตีกลุ่มค้ายาเสพติดที่มีความรุนแรงอย่างยิ่ง ครั้งที่ 2 ตามคำสั่งการของเขา ซึ่งคนร้ายถูกระบุตัวได้อย่างชัดเจนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบัญชาการทหารสหรัฐภาคใต้ หรือ “เซาท์คอม” (SOUTHCOM) นายทรัมป์กล่าวเสริมว่ากลุ่มค้ายาเสพติดที่มีความรุนแรงอย่างยิ่งเหล่านี้ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายต่างประเทศ และผลประโยชน์ที่สำคัญของสหรัฐ สำหรับเซาท์คอมเป็นหน่วยบัญชาการรบที่ดูแลพิ้นที่ 31 ประเทศในอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และแคริบเบียน ในโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว นายทรัมป์ยังเผยแพร่ตลิปวิดีโอความยาวเกือบ 30 วินาที ซึ่งมีข้อความ “ไม่เป็นความลับ” (Unclassified) ที่ด้านบน ปรากฏภาพเรือลำหนึ่งกำลังระเบิดและลุกไหม้ในทะเล นายทรัมป์กล่าวในเวลาต่อมาว่า สหรัฐมีหลักฐานแล้ว โดยมีการพบสินค้าที่กระจัดกระจายไปทั่วมหาสมุทร มีถุงโคเคนและเฟนทานิลขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด นายทรัมป์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ปฏิบัติการอาจขยายไปสู่การโจมตีทางบกกับผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติดด้วย การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางการเสริมกำลังทางทหารของสหรัฐครั้งใหญ่ในแถบทะเลแคริบเบียนตอนใต้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา […]

อังกฤษคุมเข้มความปลอดภัยก่อน ‘ทรัมป์’ เยือนพรุ่งนี้

ลอนดอน 16 ก.ย. – อังกฤษเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐและนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง จะเริ่มต้นการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นการเดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของทรัมป์ ตำรวจอังกฤษลาดตระเวนบริเวณน่านน้ำใกล้พระราชวังวินด์เซอร์เมื่อวานนี้ ขณะที่มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการของนายทรัมป์และนางเมลาเนียในสัปดาห์นี้ โดยในระหว่างการเยือนวันพุธนี้ ทรัมป์และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับการต้อนรับด้วยพิธีการสุดหรูตามธรรมเนียมของราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงการนั่งขบวนรถม้า การจัดเลี้ยงอย่างเป็นทางการ (state banquet) การบินผ่านของเครื่องบินทหาร (flypast) และการยิงสลุต เรียกได้ว่าไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดได้รับเชิญในลักษณะนี้มาก่อน เนื่องจากตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง จะได้รับเชิญให้ร่วมดื่มชาหรือรับประทานอาหารกลางวันกับพระประมุขเท่านั้น รัฐบาลอังกฤษหวังว่า “พลังที่นุ่มนวล” (soft power) ของราชวงศ์จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับทรัมป์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐในด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคง และพลังงาน โดยก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทแล้วส่วนในวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำสหรัฐที่บ้านพักในชนบท “เช็คเกอร์ส” (Chequers) เพื่อหารือความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญ เช่น สถานการณ์ในยูเครน และการผลักดันให้สหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมตามที่เคยให้คำมั่นไว้ นายทรัมป์เดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2562 ตอนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และตรงกับช่วงที่เทเรซา […]

‘เนทันยาฮู’ ไม่ปฏิเสธโจมตีผู้นำฮามาสอีก

เทลอาวีฟ 16 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลยืนยันระหว่างการประชุมร่วมกับนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐว่า จะยังเดินหน้าโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสเพิ่มอีกหากมีโอกาส นายเนทันยาฮูไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสเพิ่มเติม หลังจากเหตุโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในกาตาร์ โดยระบุว่าผู้นำฮามาสจะไม่มีทางปลอดภัยหรือได้รับการคุ้มกันไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน โดยในการแถลงข่าวร่วมที่นครเยรูซาเลมกับรูบิโอ นายเนทันยาฮูกล่าวว่า ทุกประเทศมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเองเกินขอบเขตพรมแดนของตนได้ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการโจมตีครั้งนั้นมีสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เนทันยาฮูตอบว่าการตัดสินใจทั้งหมดเป็นของอิสราเอล ส่วนรูบิโอ ได้เรียกร้องให้กาตาร์ยังคงมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการแก้ไขความขัดแย้งในฉนวนกาซา ย้ำว่ากาตาร์ยังสามารถมีบทบาทช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการปล่อยตัวประกันทั้ง 48 คนที่ยังถูกควบคุมตัวในกาซา การปลดอาวุธกลุ่มฮามาส และการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา การตัดสินใจของอิสราเอลในการโจมตีผู้นำฮามาสในกาตาร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ ทำให้เกิดกระแสประณามจากนานาชาติ รวมถึงจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐโดยกลุ่มฮามาสระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 6 คน แต่ผู้นำของกลุ่มรอดชีวิต ขณะที่ถ้อยแถลงของเนทันยาฮูมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากทำเนียบขาวออกมาระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้คำมั่นกับกาตาร์ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินของพวกเขา การพบปะของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลและรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเกิดขึ้นขณะที่ผู้นำชาติอาหรับกำลังจัดการประชุมสุดยอดในกรุงโดฮา เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อกาตาร์และตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล ซึ่งนายกรัฐมนตรีกาตาร์ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยุติพฤติกรรมสองมาตรฐานและดำเนินการลงโทษอิสราเอลในเรื่องนี้.-815.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นระบุเกาหลีเหนือเพิ่มการปราบปรามประชาชน

เจนีวา 12 ก.ย. – รายงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติที่เผยแพร่ในวันศุกร์ ระบุว่า การปราบปรามและควบคุมประชาชนในเกาหลีเหนือได้ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสอดแนมที่เข้มข้นขึ้น การบังคับใช้แรงงานที่ขยายวงกว้าง และการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีการควบคุมจำกัดประชาชนมากที่สุดในโลก รายงานฉบับใหม่ของสหประชาชาตินี้ออกมาหลังจากที่รายงานฉบับประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเมื่อกว่าสิบปีก่อน ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยรายงานฉบับใหม่นี้ครอบคลุมการพัฒนาตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา และอ้างอิงจากการสัมภาษณ์พยานและเหยื่อกว่า 300 คนที่หลบหนีออกจากประเทศ และรายงานว่าเสรีภาพต่างๆ ได้ลดลงไปอีก รายงานระบุว่า การสอดแนมได้แพร่หลายมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่บทลงโทษก็รุนแรงขึ้น รวมถึงการนำโทษประหารชีวิตมาใช้สำหรับความผิดต่างๆ เช่น การเผยแพร่ละครโทรทัศน์ของต่างชาติ รายงานความยาว 14 หน้าฉบับนี้ สรุปและระบุว่า ภายใต้กฎหมาย นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2015 พลเมืองได้ถูกเฝ้าระวังและควบคุมเพิ่มขึ้นในทุกส่วนของชีวิต ไม่มีประชากรชาติใดในโลกปัจจุบันที่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม รายงานยังพบข้อดีที่อยู่ในวงจำกัดบางประการ เช่น การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ในสถานที่ควบคุมตัวลดลง และมีการออกกฎหมายใหม่ที่ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มการรับรองการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม.-813.-สำนักข่าวไทย

จีนออกกฎหมายปรับปรุงสาธารณสุข-ถอดบทเรียนจากโควิด

ปักกิ่ง 12 ก.ย. – สภาประชาชนแห่งชาติของจีนได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งในวันนี้ เพื่อให้การรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยให้อำนาจประชาชนในการรายงานเหตุฉุกเฉินได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านโครงสร้างลำดับชั้นของรัฐบาลตามปกติ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงแรก ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการล่าช้าในการรายงานการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงปลายปี 2019 จักษุแพทย์คนหนึ่งในโรงพยาบาลที่เมืองอู่ฮั่น เคยแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ในช่วงต้นปี 2020 แต่กลับถูกตำรวจท้องถิ่นตักเตือนฐาน “เผยแพร่ข่าวลือ” โดยเขาเสียชีวิตในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ซึ่งจุดชนวนให้เกิดคลื่นความโศกเศร้าและความไม่พอใจในหมู่ประชาชน นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ท้องถิ่นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และปรับปรุงการตรวจจับและควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงต้น ตามร่างกฎหมายนี้ระบุว่า บุคคลหรือหน่วยงานใดก็ตามที่พบภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข สามารถรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังรัฐบาลท้องถิ่นหรือหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนระดับกลาง นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังระบุว่า หลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขึ้น รัฐบาลประจำเขตที่เกิดเหตุควรเริ่มดำเนินการรับมือทันที และสามารถรายงานไปยังหน่วยงานที่สูงขึ้นได้หากจำเป็น ในช่วงการรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รัฐบาลท้องถิ่นระดับเขตขึ้นไปควรให้บริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ดูแลเป็นพิเศษ และรับประกันว่าผู้คนจะได้รับการรักษาพยาบาล ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก นับจนถึงสิ้นปี 2023 มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกสูงถึง 21 ล้านคน ซึ่งเกินกว่ายอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 7 ล้านคน.-813.-สำนักข่าวไทย

แรงงานเกาหลีใต้กลับถึงบ้าน หลังถูกบุกจับในสหรัฐ

อินชอน 12 ก.ย. – แรงงานชาวเกาหลีใต้ประมาณ 300 คน ได้เดินทางกลับถึงเกาหลีใต้แล้วในวันศุกร์ หลังจากถูกควบคุมตัวจากการบุกตรวจค้นครั้งใหญ่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ ที่ไซต์งานโครงการผลิตแบตเตอรี่ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แรงงานที่สวมหน้ากากอนามัยทยอยลงจากเครื่องบินเช่าเหมาลำที่สนามบินอินชอน โดยมีเจ้าหน้าที่ รวมถึงหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดี คอยต้อนรับอย่างอบอุ่น การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้เป็นผลมาจากการเจรจาอย่างเข้มข้นตลอดสัปดาห์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ เพื่อให้แรงงานได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับประเทศ หลังจากที่พวกเขาถูกจับกุมโดยใส่กุญแจมือและล่ามโซ่ ซึ่งสร้างความตกใจให้กับชาวเกาหลีใต้ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐอย่างมาก ธุรกิจของเกาหลีใต้ประสบปัญหามาอย่างยาวนานในการขอวีซ่าที่เหมาะสมสำหรับแรงงานผู้เชี่ยวชาญที่จำเป็นในไซต์งานเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้แรงงานบางส่วนต้องพึ่งพาช่องโหว่ในการบังคับใช้วีซ่าของสหรัฐ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ที่เดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ กล่าวว่า ทั้งสองประเทศกำลังพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาวีซ่าประเภทใหม่สำหรับชาวเกาหลีใต้ แรงงานที่เดินทางกลับครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงชาวจีน 10 คน ชาวญี่ปุ่น 3 คน และชาวอินโดนีเซีย 1 คน ได้รับการต้อนรับจากสมาชิกในครอบครัวและเจ้าหน้าที่จากบริษัท แอลจี เอนเนอจี โซลูชัน (LG Energy Solution) รวมถึงบริษัทผู้รับเหมาช่วง บริษัทแบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นพันธมิตรกับบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) ในการสร้างโรงงานที่รัฐจอร์เจีย การบุกตรวจค้นไซต์ก่อสร้างครั้งนี้สร้างความตกใจอย่างยิ่งให้กับชาวเกาหลีใต้ และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในช่วงเวลาที่กำลังจะสรุปข้อตกลงทางการค้า ซึ่งรวมถึงกองทุนเพื่อการลงทุนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐ […]

กรุงปักกิ่งติดอันดับ ‘เมืองท่องเที่ยว’ ชั้นนำของโลก

ปักกิ่ง 12 ก.ย. — รายงานจากการประชุมโลกด้านความร่วมมือและการพัฒนาทางการท่องเที่ยว (World Conference on Tourism Cooperation and Development) ปี 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาระบุว่า กรุงปักกิ่งของจีนจัดอยู่ในกลุ่มเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลกด้วยจุดแข็งรอบด้าน รายงานการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวโลก (ปี 2024-2025) ซึ่งเป็นรายงานหลักของสหพันธ์เมืองท่องเที่ยวโลก (WTCF) ที่เผยแพร่เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2014 ได้จัดให้กรุงปักกิ่งอยู่อันดับ 7 ของโลกตามการประเมินอย่างรอบด้าน ทำให้กรุงปักกิ่งขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับจากการประเมินครั้งก่อน ส่วนนครเซี่ยงไฮ้ครองอันดับ 9 และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงครองอันดับ 11 ขณะสามอันดับแรกของการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ มหานครนิวยอร์ก กรุงโตเกียว และกรุงปารีส สำหรับห้าเมืองของจีนได้แก่ มาเก๊า ฮ่องกง หางโจว เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับแรกของโลกในด้านความอัจฉริยะของเมือง ซึ่งตอกย้ำความก้าวหน้าของจีนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการบริการการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) นอกจากนั้นกรุงปักกิ่งครองอันดับ 5 ในรายงานดัชนีศักยภาพการแข่งขันจุดหมายท่องเที่ยวโลก (ปี […]

1 2 3 687