บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
8 กันยายน 2568
เมื่อใช้งานโลกออนไลน์ เลี่ยงไม่ได้ต้องเจอกับลิงก์ บางลิงก์พาไปยังเว็บไซต์ที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ แต่บางลิงก์ก็พาไปเว็บปลอมสุดอันตราย ที่จ้องจะทำร้ายและหลอกลวง เราจะมา จับผิด “ลิงก์” หลอกลวง ไปด้วยกัน
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ เพ็ญศรี อรุณวัฒนามงคล ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย
(สัมภาษณ์เมื่อ 24 เมษายน 2568)
คลิกเดียว…อาจเปลี่ยนชีวิต! เจาะลึกวิธีจับผิด “ลิงก์ปลอม” ก่อนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพยุคดิจิทัล
ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างคุ้นเคยกับการคลิกลิงก์ (URL) เพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร, ซื้อสินค้า, หรือทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ท่ามกลางความสะดวกสบายนั้น ภัยร้ายในรูปแบบของ “ลิงก์ปลอม” หรือ “ฟิชชิ่ง” (Phishing) ก็แฝงตัวอยู่อย่างแนบเนียน รอคอยจังหวะที่เราเผลอไผลเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว, รหัสผ่าน, หรือแม้กระทั่งเงินในบัญชีของเราไปจนหมด
ข้อความ SMS ที่อ้างว่าเราได้รับสิทธิพิเศษ, อีเมลแจ้งอัปเดตข้อมูลจากธนาคาร, หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่ชวนให้ดาวน์โหลดสติกเกอร์ไลน์ฟรี ล้วนเป็นกลวิธีสุดคลาสสิกที่มิจฉาชีพใช้เพื่อล่อลวงให้เราคลิกลิงก์อันตรายเหล่านี้ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงโครงสร้างของ URL อย่างละเอียด เพื่อให้คุณมี “ภูมิคุ้มกันดิจิทัล” สามารถแยกแยะลิงก์จริงออกจากลิงก์ปลอมได้อย่างเฉียบคม และไม่ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
ถอดรหัสโครงสร้าง URL : รู้ให้ลึกถึงแก่นเพื่อความปลอดภัย
หลายคนอาจมองว่า URL เป็นเพียงตัวอักษรภาษาอังกฤษยาว ๆ ที่ซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วมันมีโครงสร้างที่ชัดเจน การทำความเข้าใจส่วนประกอบต่าง ๆ คือด่านแรกที่สำคัญที่สุดในการป้องกันตัวเอง
ส่วนประกอบหลักของ URL : Protocol://Subdomain.Domain-name.Top-level-domain/Path
- Protocol (โพรโทคอล) : คือส่วนที่ขึ้นต้น URL เช่น
http://
หรือhttps://
ทำหน้าที่กำหนดวิธีการสื่อสารระหว่างเบราว์เซอร์ของเรากับเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์- ข้อควรจำ :
https://
(Hypertext Transfer Protocol Secure) บ่งบอกว่าข้อมูลที่ส่งผ่านจะได้รับการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย สังเกตได้จากรูปแม่กุญแจหน้า URL ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่เว็บไซต์น่าเชื่อถือส่วนใหญ่ต้องมี
- ข้อควรจำ :
- Domain Name (ชื่อโดเมน) : นี่คือ “หัวใจ” ของ URL และเป็นส่วนที่มิจฉาชีพนิยมปลอมแปลงมากที่สุด มันคือชื่อเฉพาะของเว็บไซต์นั้นๆ เช่น
google
,facebook
,ktb
- จุดตายที่ต้องดู : ชื่อโดเมนที่ถูกต้องจะอยู่ “หน้า .com, .co.th, .go.th” หรือ TLD อื่นๆ เสมอ!
- Top-Level Domain (TLD) : คือส่วนที่อยู่ท้ายสุดของชื่อโดเมน เช่น
.com
,.org
,.net
,.co.th
,.go.th
ทำหน้าที่บอกประเภทหรือประเทศขององค์กร.co.th
: บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย
.go.th
: หน่วยงานราชการของไทย
.ac.th
: สถาบันการศึกษาในไทย
- Subdomain (โดเมนย่อย) : คือส่วนที่อยู่ “หน้า” ชื่อโดเมนหลัก ใช้เพื่อแบ่งส่วนย่อย ๆ ภายในเว็บไซต์ เช่น
mail.google.com
(Subdomain คือmail
) หรือibanking.bangkokbank.com
(Subdomain คือibanking
) - Path (เส้นทาง) : คือส่วนที่อยู่หลัง TLD คั่นด้วยเครื่องหมาย
/
ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของหน้าเว็บหรือไฟล์ที่เฉพาะเจาะจงภายในเว็บไซต์นั้นๆ เช่น/profile/settings

กลลวงของมิจฉาชีพ : เทคนิคการปลอมแปลงที่ต้องรู้ทัน
เมื่อเข้าใจโครงสร้างแล้ว เรามาดูกันว่ามิจฉาชีพใช้เทคนิคอะไรบ้างในการสร้างลิงก์ปลอมเพื่อหลอกตาเรา
- เทคนิค “หน้าคล้ายแต่ไม่ใช่” : มิจฉาชีพจะจดทะเบียนชื่อโดเมนที่ดูเผินๆ คล้ายกับชื่อจริง แต่มีการสะกดผิดเล็กน้อย หรือใช้ตัวอักษรอื่นมาแทน
- ตัวอย่างของจริง :
www.kasikornbank.com
- ตัวอย่างของปลอม :
www.kasikornbank.com-update.info
(ในกรณีนี้.com-update.info
คือชื่อโดเมน ไม่ใช่.com
ที่เราคุ้นเคย) หรือwww.karsikornbank.com
(สะกดผิด)
- ตัวอย่างของจริง :
- เทคนิค “ซับโดเมนลวงตา” : เป็นเทคนิคที่แนบเนียนที่สุด โดยการนำชื่อเว็บไซต์จริงไปใส่ไว้ในตำแหน่งของ “ซับโดเมน” เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- ตัวอย่างของจริง :
ibanking.bangkokbank.com
(ถูกต้อง เพราะbangkokbank
อยู่หน้า.com
)
- ตัวอย่างของปลอม :
bangkokbank.scammer-site.com
(ผิด! เพราะชื่อโดเมนที่แท้จริงคือscammer-site
ไม่ใช่bangkokbank
)
- ตัวอย่างของจริง :
- เทคนิค “URL Shortener” : การใช้บริการย่อลิงก์ให้สั้นลง เช่น
bit.ly
หรือgoo.gl
ทำให้เราไม่สามารถเห็นชื่อโดเมนที่แท้จริงได้ก่อนคลิก ซึ่งเป็นช่องทางยอดนิยมที่มิจฉาชีพใช้ซ่อนลิงก์ปลอม
เกราะป้องกันตัวเอง: Checklist ก่อนคลิกทุกครั้ง
- เช็กชื่อโดเมนก่อนเสมอ : อย่าดูแค่ส่วนหน้าหรือส่วนท้าย ให้มองหา “ชื่อโดเมนหลัก” ที่อยู่หน้า
.com
,.co.th
เสมอ และตรวจสอบการสะกดให้ถูกต้องทุกตัวอักษร - อย่าเชื่อชื่อผู้ส่ง : ชื่อผู้ส่งใน SMS หรืออีเมลสามารถปลอมแปลงได้ง่าย อย่าไว้ใจเพียงเพราะเห็นว่ามาจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ
- สงสัยลิงก์ที่ย่อมา : หากเจอลิงก์ที่ถูกย่อ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หากไม่แน่ใจ ให้ลองเข้าเว็บไซต์ขององค์กรนั้นๆ โดยตรงผ่านการพิมพ์ URL ในเบราว์เซอร์ด้วยตัวเอง
- อย่าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมั่วซั่ว : การติดตั้งแอปพลิเคชันควรทำผ่าน App Store หรือ Google Play Store ที่เป็นทางการเท่านั้น อย่าติดตั้งผ่านลิงก์ที่ส่งมาใน SMS เด็ดขาด
- สังเกตภาษาที่ใช้ : ข้อความจากมิจฉาชีพมักมีลักษณะเร่งรีบ, ข่มขู่ (เช่น “บัญชีของท่านจะถูกระงับ”), หรือเสนอผลประโยชน์ที่ดีเกินจริง
การท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความรอบคอบและ “สติ” อยู่เสมอ การสละเวลาสักครู่เพื่อตรวจสอบ URL อย่างละเอียดตามหลักการข้างต้น อาจช่วยป้องกันความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัวได้อย่างมหาศาล จงจำไว้เสมอว่า ในโลกดิจิทัล “อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ และคิดก่อนคลิกเสมอ”
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ UPSKILL : จับผิด “ลิงก์” หลอกลวง
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter