วันที่ 2 หยุดยาวสงกรานต์ ยอดใช้บริการระบบราง 1.02 ล้านคน-เที่ยว

กรุงเทพ 13 เม.ย.-กรมการขนส่งทางราง เผยวันที่สอง (12 เม.ย.68) ของวันหยุดยาวต่อเนื่องช่วงสงกรานต์ มีผู้ใช้บริการระบบราง รวม 1.02 ล้านคน-เที่ยว ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟ 1 ครั้ง


นายพิเชฐ คุณธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (วันที่ 12 เม.ย. 68) ซึ่งเป็นวันที่สองของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,023,730 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 177,166 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 14.75 (ประมาณการ 1,200,896 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 91,484 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง จำนวน 932,246 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 214 ขบวน (รวมขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 8 ขบวน มีผู้ใช้บริการ 2,035 คน-เที่ยว แบ่งเป็นเที่ยวไป 2 ขบวน คือ ขบวน 973 กรุงเทพอภิวัฒน์ -นครราชสีมา กับ ข. 977 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี และเที่ยวกลับ 6 ขบวน ได้แก่ ขบวน 956 ศิลาอาสน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 6 เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 978 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 968 อุดรธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 974 นครราชสีมา-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 984 ยะลา-กรุงเทพอภิวัฒน์) มีผู้ใช้บริการจำนวน 91,484 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 29,738 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 24.53 (ประมาณการ 121,222 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 39,367 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 52,117 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 51,168 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 40,316 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 33,115 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 16,388 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 16,727 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการ 24,575 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 15,288 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 9,287 คน-เที่ยว) สายเหนือ 16,213 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 9,323 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 6,890 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 10,649 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 6,750 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,899 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 6,932 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 3,419 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,513 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 2,756 เที่ยว (รวมเสริม 5 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 932,246 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 147,428 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 13.65 (ประมาณการ 1,079,674 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย
    2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 174 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 52,082 คน-เที่ยว
    2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 288 เที่ยว (ยกเลิก 6 เที่ยวเนื่องจากพบสายไฟพาดระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 24,621 คน-เที่ยว
    2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 234 เที่ยว (รวมเสริม 2 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 37,530 คน-เที่ยว
    2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 309 เที่ยว (รวมรถเสริม 3 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 271,363 คน-เที่ยว
    2.5 รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,102 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 477,149 คน-เที่ยว
    2.6 รถไฟฟ้า สายสีทอง ให้บริการ 217 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 7,228 คน-เที่ยว
    2.7 รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 30,539 คน-เที่ยว
    2.8 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 31,734 คน-เที่ยว

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับด้านความปลอดภัย ในวันที่ 12 เมษายน 2568 มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟจำนวน 1 ครั้ง เมื่อเวลา 06.17 น. ผู้โดยสารลื่นล้มบนขบวนรถเร็วที่ 172 (สุไหงโกลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายแพลง ผู้บาดเจ็บถือตั๋วโดยสารชั้น 3 ไม่ระบุที่นั่ง เดินทางจากสถานีนาประดู่ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เจ้าหน้าที่นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลราชบุรี และเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง 2 ครั้ง ประกอบด้วย (1) เมื่อเวลา 05.46 น. ระบบจ่ายไฟเหนือหัวฝั่งออกเมืองของรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) เกิดขัดข้อง ส่งผลให้ขบวนรถเที่ยว 1011 ช้า 14 นาที และเที่ยว 1013 ช้า 12 นาที รวมสองเที่ยว และ (2) เมื่อเวลา 10.09 น. พบสายไฟพาดสายไฟจ่ายเหนือหัวของรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ที่บริเวณสถานีหลักหก ฝั่งขาเข้าและขาออก ห้องศูนย์ควบคุมจึงทำการตัดจ่ายไฟทั้งระบบ เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรกับระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนรถไฟ ส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวให้บริการ เที่ยว 1054, 1056, 1057, 1058, 1059, 1061 รวมจำนวน 6 เที่ยว ต่อมาเวลา 10.23 น. ห้องศูนย์ควบคุมทำการจ่ายไฟคืนให้ระบบ และขบวนรถกลับมาให้บริการตรงตามเวลาเมื่อเวลา 10.40 น.


ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ประสานผู้ให้บริการระบบรางต่างๆ ในการกวดขันและเน้นย้ำการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ที่ ขร. ได้ประสานไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ปฏิบัติงานก่อนปฏิบัติหน้าที่เดินรถขนส่งทางราง โดยสองวันที่ผ่านมามีการตรวจวัดผู้ปฏิบัติงาน รวม 237 คน ไม่พบผู้รับการตรวจมีระดับแอลกอฮอล์ (เป็นศูนย์) จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางรถไฟ/รถไฟฟ้า เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยในขบวนรถไฟ/รถไฟฟ้ารวมทั้งบริเวณพื้นที่สถานี พร้อมทั้งประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่/อาสาสมัครประจำจุดตัดทางลักผ่านโดยมีการประสานงานกับพนักงาน รฟท. พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยหยุดรถก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงขับผ่าน และไม่ฝ่าฝืนสัญญาณหรือเครื่องกั้นบริเวณจุดตัดทางรถไฟ

นายพิเชฐ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับในวันนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้พ่วงตู้โดยสารไปกับขบวนรถ โดยสารที่มีผู้โดยสารหนาแน่น และจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 5 ขบวน แบ่งเป็นเที่ยวไป 3 ขบวน ได้แก่ ขบวน 5 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ ขบวน 983 กรุงเทพอภิวัฒน์-ยะลา ขบวน 973 กรุงเทพอภิวัฒน์-นครราชสีมา และเที่ยวกลับ 2 ขบวน ได้แก่ ขบวน 978 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 974 นครราชสีมา-กรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ระบบราง .513.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]