วันที่ 2 หยุดยาวสงกรานต์ ยอดใช้บริการระบบราง 1.02 ล้านคน-เที่ยว

กรุงเทพ 13 เม.ย.-กรมการขนส่งทางราง เผยวันที่สอง (12 เม.ย.68) ของวันหยุดยาวต่อเนื่องช่วงสงกรานต์ มีผู้ใช้บริการระบบราง รวม 1.02 ล้านคน-เที่ยว ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟ 1 ครั้ง


นายพิเชฐ คุณธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (วันที่ 12 เม.ย. 68) ซึ่งเป็นวันที่สองของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,023,730 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 177,166 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 14.75 (ประมาณการ 1,200,896 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 91,484 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง จำนวน 932,246 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 214 ขบวน (รวมขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 8 ขบวน มีผู้ใช้บริการ 2,035 คน-เที่ยว แบ่งเป็นเที่ยวไป 2 ขบวน คือ ขบวน 973 กรุงเทพอภิวัฒน์ -นครราชสีมา กับ ข. 977 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี และเที่ยวกลับ 6 ขบวน ได้แก่ ขบวน 956 ศิลาอาสน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 6 เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 978 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 968 อุดรธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 974 นครราชสีมา-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 984 ยะลา-กรุงเทพอภิวัฒน์) มีผู้ใช้บริการจำนวน 91,484 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 29,738 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 24.53 (ประมาณการ 121,222 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 39,367 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 52,117 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 51,168 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 40,316 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 33,115 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 16,388 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 16,727 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการ 24,575 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 15,288 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 9,287 คน-เที่ยว) สายเหนือ 16,213 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 9,323 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 6,890 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 10,649 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 6,750 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,899 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 6,932 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 3,419 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,513 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 2,756 เที่ยว (รวมเสริม 5 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 932,246 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 147,428 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 13.65 (ประมาณการ 1,079,674 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย
    2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 174 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 52,082 คน-เที่ยว
    2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 288 เที่ยว (ยกเลิก 6 เที่ยวเนื่องจากพบสายไฟพาดระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 24,621 คน-เที่ยว
    2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 234 เที่ยว (รวมเสริม 2 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 37,530 คน-เที่ยว
    2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 309 เที่ยว (รวมรถเสริม 3 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการจำนวน 271,363 คน-เที่ยว
    2.5 รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,102 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 477,149 คน-เที่ยว
    2.6 รถไฟฟ้า สายสีทอง ให้บริการ 217 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 7,228 คน-เที่ยว
    2.7 รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 30,539 คน-เที่ยว
    2.8 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 216 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 31,734 คน-เที่ยว

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับด้านความปลอดภัย ในวันที่ 12 เมษายน 2568 มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟจำนวน 1 ครั้ง เมื่อเวลา 06.17 น. ผู้โดยสารลื่นล้มบนขบวนรถเร็วที่ 172 (สุไหงโกลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายแพลง ผู้บาดเจ็บถือตั๋วโดยสารชั้น 3 ไม่ระบุที่นั่ง เดินทางจากสถานีนาประดู่ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เจ้าหน้าที่นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลราชบุรี และเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง 2 ครั้ง ประกอบด้วย (1) เมื่อเวลา 05.46 น. ระบบจ่ายไฟเหนือหัวฝั่งออกเมืองของรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) เกิดขัดข้อง ส่งผลให้ขบวนรถเที่ยว 1011 ช้า 14 นาที และเที่ยว 1013 ช้า 12 นาที รวมสองเที่ยว และ (2) เมื่อเวลา 10.09 น. พบสายไฟพาดสายไฟจ่ายเหนือหัวของรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ที่บริเวณสถานีหลักหก ฝั่งขาเข้าและขาออก ห้องศูนย์ควบคุมจึงทำการตัดจ่ายไฟทั้งระบบ เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรกับระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนรถไฟ ส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวให้บริการ เที่ยว 1054, 1056, 1057, 1058, 1059, 1061 รวมจำนวน 6 เที่ยว ต่อมาเวลา 10.23 น. ห้องศูนย์ควบคุมทำการจ่ายไฟคืนให้ระบบ และขบวนรถกลับมาให้บริการตรงตามเวลาเมื่อเวลา 10.40 น.


ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ประสานผู้ให้บริการระบบรางต่างๆ ในการกวดขันและเน้นย้ำการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ที่ ขร. ได้ประสานไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ปฏิบัติงานก่อนปฏิบัติหน้าที่เดินรถขนส่งทางราง โดยสองวันที่ผ่านมามีการตรวจวัดผู้ปฏิบัติงาน รวม 237 คน ไม่พบผู้รับการตรวจมีระดับแอลกอฮอล์ (เป็นศูนย์) จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางรถไฟ/รถไฟฟ้า เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยในขบวนรถไฟ/รถไฟฟ้ารวมทั้งบริเวณพื้นที่สถานี พร้อมทั้งประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่/อาสาสมัครประจำจุดตัดทางลักผ่านโดยมีการประสานงานกับพนักงาน รฟท. พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยหยุดรถก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงขับผ่าน และไม่ฝ่าฝืนสัญญาณหรือเครื่องกั้นบริเวณจุดตัดทางรถไฟ

นายพิเชฐ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับในวันนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้พ่วงตู้โดยสารไปกับขบวนรถ โดยสารที่มีผู้โดยสารหนาแน่น และจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 5 ขบวน แบ่งเป็นเที่ยวไป 3 ขบวน ได้แก่ ขบวน 5 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ ขบวน 983 กรุงเทพอภิวัฒน์-ยะลา ขบวน 973 กรุงเทพอภิวัฒน์-นครราชสีมา และเที่ยวกลับ 2 ขบวน ได้แก่ ขบวน 978 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 974 นครราชสีมา-กรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ระบบราง .513.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

คุมฝากขัง “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ค้านประกัน

27 ส.ค. – ตร.คุมตัว “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ส่งฝากขังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ และนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ออกจากห้องคุมขัง ที่อาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เจ้าหน้าที่ได้แยกควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ สวมเสื้อยืดสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม ก่อนนำผ้าเช็ดตัวสีส้มมาห่มคลุมร่างกาย ขึ้นรถยนต์ตำรวจ ทันทีที่ออกมาทางอดีตพระอลงกตได้ยกมือซ้ายขึ้นมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นนั่งบนรถ โดยมีศิษยานุศิษย์ประคองด้านข้าง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ารู้สึกกังวลใจหรือมีอะไรอยากจะชี้แจงหรือไม่ พร้อมกับถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ลาสิกขาแล้ว แต่อดีตพระอลงกต ได้แต่ยิ้มแย้มและยกมือปฏิเสธ ไม่ตอบคำถามใดๆ จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ไปศาลใช่หรือไม่” อดีตพระอลงกต ตอบสั้นๆ ว่า “ไปศาล” ส่วนนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้แยกควบคุมตัวขึ้นรถกระบะของกองบังคับการปราบปราม โดยหมอบี ยังสวมใส่ชุดเดิม คือเสื้อแขนสั้นสีครีม และกางเกงขายาวสีน้ำตาล เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น.-419-สำนักข่าวไทย

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]