ฉลองเคาท์ดาวน์ 2568 มีผู้ใช้บริการระบบราง 1,515,396 คน-เที่ยว

กรุงเทพ 1 ม.ค.-กรมการขนส่งทางรางเผยวันสิ้นปี (31 ธันวาคม 2567) ฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 2568 มีผู้ใช้บริการระบบราง รวม 1,515,396 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2567 ถึงร้อยละ 11.95 โดยมีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟรวม 3 ครั้ง


นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (วันที่ 31 ธ.ค. 67) ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,515,396 คน-เที่ยว มากกว่าเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา จำนวน 161,813 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.95 แต่ต่ำกว่าที่ประมาณการ 100,165 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าที่ประมาณการร้อยละ 6.20 (ประมาณการไว้ 1,615,561 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 89,334 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง จำนวน 1,426,062 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 204 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 89,334 คน-เที่ยว มากกว่าวันเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 จำนวน 12,921 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.91 และสูงกว่าประมาณการ 11,075 คน-เที่ยว หรือสูงกว่าประมาณการร้อยละ 14.15 (ที่ประมาณการ 78,259 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 34,244 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 4,618 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.59) และเชิงสังคม 55,090 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 8,303 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.75) โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 44,405 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 44,929 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 29,797 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 14,496 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 15,301 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการ 21,472 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 10,844 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 10,628 คน-เที่ยว) สายเหนือ 15,413 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 7,509 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 7,904 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 11,379 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 6,015 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 5,364 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 11,273 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 5,541 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 5,732 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 3,131 เที่ยว (รวมเสริม 90 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 1,426,062 คน-เที่ยว มากกว่าเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา 148,892 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.66 ประกอบด้วย
  • 2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 192 เที่ยว (รวมเสริม 4 เที่ยว) จำนวน 64,383 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 5,865 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.02)
  • 2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 322 เที่ยว จำนวน 26,042 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 6,339 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.17)
  • 2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 252 เที่ยว (รวมเสริม 4 เที่ยว) จำนวน 44,268 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 2,180 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.18)
  • 2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 442 เที่ยว (รวมรถเสริม 82 เที่ยว) จำนวน 373,298 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 50,898 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.79)
  • 2.5 รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,085 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 789,430 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 91,103 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.05)
  • 2.6 รถไฟฟ้า สายสีทอง ให้บริการ 217 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 46,691 คน-เที่ยว (ต่ำกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,416 คน-เที่ยว หรือลดลงร้อยละ 2.94)
  • 2.7 รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) ให้บริการ 234 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 40,515 คน-เที่ยว (มากกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,672 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.30)
  • 2.8 รถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการ 234 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 41,435 คน-เที่ยว (ต่ำกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 7,749 คน-เที่ยว หรือลดลงร้อยละ 15.76)

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับด้านความปลอดภัย ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟจำนวน 3 ครั้ง โดย (1) เมื่อเวลา 14.12 น. รถจักรดีเซลเปล่าที่ 4515 (อรัญประเทศ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก) ได้เกิดเหตุเฉี่ยวชนรถยนต์ บริเวณทางลักผ่าน หลักกิโลเมตรที่ 255/2-3 ระหว่างสถานีอรัญประเทศ – สถานีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ (2) เมื่อเวลา 15.10 น. ขบวนรถท้องถิ่นที่ 418 (หนองคาย – นครราชสีมา) เกิดเหตุชนโคบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 493/10-11 ระหว่างสถานีห้วยเสียว – สถานีเขาสวนกวาง รถจักรดีเซล 4137 ได้รับความเสียหาย ท่อลมด้านซ้ายหลุดเสียหาย นายสถานีได้นำเรื่องเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจเขาสวนกวาง ขบวนรถช้าเพิ่มจากเหตุการณ์นี้ 10 นาที และ (3) เมื่อเวลา 16.15 น. ขบวนรถเร็วที่ 102 (เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์) เกิดเหตุชนโคบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 236/8 ระหว่างสถานีนครสวรรค์ – สถานีเขาทอง ขบวนรถได้รับความเสียหาย บชท. 72 คันที่ 3 บันไดทางขึ้น – ลง คดงอ และขบวนรถช้าเพิ่มจากเหตุการณ์นี้ 46 นาที ส่วนการให้บริการระบบรถไฟฟ้าไม่มีเหตุขัดข้องแต่อย่างใด


นายพิเชฐ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับในวันนี้ รฟท. ได้พ่วงตู้โดยสารไปกับขบวนรถโดยสารที่มีผู้โดยสารหนาแน่น และจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารเที่ยวกลับ 5 ขบวน คือ ขบวน 984 ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 934 อุบลราชธานี – กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 6 เชียงใหม่ – กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 962 ศิลาอาสน์ – กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 936 อุดรธานี – กรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ระบบราง โดยคาดว่าไม่มีผู้โดยสารตกค้าง กรมการขนส่งทางรางห่วงใยผู้ใช้บริการระบบราง ปีใหม่เดินทางสะดวก ปลอดภัย แบบไร้รอยต่อ .513. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย