SCB FM มอง กนง.อาจลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้

กรุงเทพฯ 5 มี.ค.- เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.73-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ด้าน SCB FM มองเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อได้อีก หาก “ทรัมป์” ขึ้นภาษีนำเข้าตามที่ประกาศไว้ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอาจทำให้บาทแข็งค่ามากกว่าคาด ประเมิน กนง.อาจลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่าเงินบาทวันนี้ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศวานนี้ โดยมีแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญหากสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้ายังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณจาก รมว.พาณิชย์ของสหรัฐฯ ที่สะท้อนว่า สหรัฐฯ อาจมีการผ่อนปรนมาตรการภาษีบางส่วนกับเม็กซิโกและแคนาดาในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงแข็งค่ากลับมาบางส่วนตามการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลก

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.60-33.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณฟันด์โฟลว์ในตลาดการเงินไทย


ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า เงินบาทอาจอ่อนค่าขึ้นราว 34.00-34.50 ในช่วง 1 เดือนนี้ จากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยหากทรัมป์ขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) หรือภาษีบางกลุ่ม (เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์) อาจทำให้บาทอ่อนค่าแตะ 34.50 ได้ อย่างไรก็ดี หากทรัมป์ไม่ขึ้นภาษีนำเข้าตามที่ประกาศไว้ ก็อาจทำให้บาทแข็งค่ากว่าคาด สำหรับมุมมองดอกเบี้ย มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยต่ออีกภายในครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากภาวะการเงินไทยตึงตัวต่อเนื่องและแนวโน้มมาตรการ Tariffs ที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอลงกว่าที่ กนง. คาด ซึ่งตลาดคาดมีโอกาสราว 80% ที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนมิถุนายน และมีโอกาสราว 60% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ภายในสิ้นปีนี้

นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงินและ Head of Private Banking Relationship Management ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทเดือนที่ผ่านมาแม้จะยังผันผวน แต่มักเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.00 เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบค่าเงินบาท ซึ่งบางปัจจัยเคลื่อนไหวสวนทางกันทำให้บาทเปลี่ยนแปลงไม่มาก เช่น ในวันที่ราคาทองเปลี่ยนแปลงแรง มักเห็นเงินบาทเปลี่ยนแปลงตามด้วย โดยหากราคาทองลดลงราว $50 ภายใน 1 วัน มักเห็นเงินบาทอ่อนค่าราว 20 สตางค์

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า เงินยูโรที่กลับมาแข็งค่าจากปัจจัยการเมืองในยุโรปที่ดีขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าและกดดันให้บาทแข็ง นอกจากนี้ ในเดือนที่ผ่านมาพบว่า เงินทุนสำรองระหว่างประเทศปรับสูงขึ้นมาก ซึ่งอาจสะท้อนได้ว่า ธปท. เข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ดังนั้น จึงเห็นว่าเงินบาทมักไม่เคลื่อนไหวทะลุแนวต้านสำคัญเท่าไหร่นัก


แนวโน้มดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐก็กระทบบาทเช่นกัน โดยมองว่าในระยะต่อไปดัชนีเงินดอลลาร์อาจปรับลดลงได้ สอดคล้องกับ Long dollar position ที่เริ่มปรับลดลง หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี เมื่อช่วงต้นปี โดยปัจจัยที่อาจทำให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอลง โดยเฉพาะข้อมูลฝั่ง Soft data เช่น เลข PMI และความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดตื่นกลัวกับปัจจัยเรื่อง tariff risk น้อยลงมาก สะท้อนจาก market reactions ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับการประกาศมาตรการในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยังไม่เห็นการดำเนินมาตรการอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนในตลาดยังสูง ซึ่งทำให้ดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นในบางช่วง เช่น ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียที่กลับมามีประเด็น หลังยูเครนไม่สามารถตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น

ในระยะต่อไป เงินบาทอาจอ่อนค่าต่อได้จากแนวโน้มการขึ้นภาษีนำเข้า โดยในช่วง 1 เดือนนี้ มองเงินบาทอาจอยู่ในกรอบราว 34.00-34.50 มาตรการ Tariffs อาจส่งผลต่อเงินดอลลาร์สหรัฐมาก และผลกระทบต่อค่าเงินแต่ละสกุลจะขึ้นอยู่กับขนาดของ Tariffs ต่อแต่ละประเทศที่ถูกประกาศเพิ่ม ซึ่งความรุนแรงของมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) จะขึ้นอยู่กับส่วนต่างอัตราภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศนั้น ๆ โดยหากมีส่วนต่างภาษีมาก ก็อาจทำให้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้มากขึ้น กดดันให้สกุลเงินนั้นอ่อนค่าแรง ซึ่งคาดว่าอินเดีย และกลุ่มประเทศ LATAM เช่น บราซิล อาจได้รับผลกระทบสูง ทำให้สกุลเงินอาจอ่อนค่าแรงได้ ในส่วนของเงินบาท หากทรัมป์ขึ้น Reciprocal tariffs หรือขึ้นภาษีบางกลุ่ม (เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์) อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าแตะ 34.50 ได้ แต่หากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศดังที่เคยขู่ไว้ในช่วงเลือกตั้ง อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าเหนือ 35.00 ได้

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กนง.อาจลดดอกเบี้ยต่อได้อีกภายในครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากภาวะการเงินของไทยตึงตัวต่อเนื่องและแนวโน้มมาตรการ Tariffs ที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอกว่าที่ กนง. คาดได้ ซึ่งมุมมองการลดดอกเบี้ยนี้สอดคล้องกับมุมมองตลาด โดยตลาดให้โอกาสราว 80% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนมิถุนายน และให้โอกาสราว 60% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง (ไปที่ 1.50%) ภายในสิ้นปีนี้

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล นายวชิรวัฒน์มองว่าอาจลดลงต่อได้เล็กน้อยตามการลดดอกเบี้ยของ กนง. และแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อได้ เนื่องจากคาดว่า Fed อาจทำ Quantitative tightening (QT) น้อยลง ทำให้ Term premium อาจปรับลดลงได้ โดยเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ (Debt ceiling) ที่ใกล้เข้ามาทำให้การลด QT อาจช่วยลดความผันผวนของสภาพคล่องในตลาดเงินได้ เพราะจะช่วยรักษาระดับของ Bank reserves ให้ไม่ผันผวนมาก. -511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]