ฮานอย 11 ก.ย.- นักวิชาการคนสำคัญในเวียดนามเตือนสมาชิกรัฐสภาว่า การที่รัฐบาลสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนและการใช้จ่ายสาธารณะ อาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่
รอยเตอร์รายงานว่า ในการประชุมแบบปิดของคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาเวียดนาม เมื่อวันที่ 5 กันยายน มีนักวิชาการคนสำคัญอย่างน้อย 2 คน นำเสนอรายงานวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจในปีงบประมาณปัจจุบันของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนและการใช้จ่ายสาธารณะ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้ร้อยละ 8.3-8.5 ตามเป้าหมาย รอยเตอร์มองว่า การวิจารณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด
นายฝ่าม เด่อ อันห์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติของเวียดนาม แสดงความเห็นในรายงานว่า เวียดนามมีอัตราการเติบโตของปริมาณเงินสูงมาก เป็นเหตุให้มีสัดส่วนสินเชื่อต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) สูงที่สุดในภูมิภาค และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ที่สินทรัพย์มีราคาสูงเกินจริง
ขณะที่ ผศ.อู๋ สี เกิ่ง วิทยาลัยการเงินของเวียดนาม ระบุในรายงานอีกฉบับว่า ปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกับเตือนว่า การปล่อยสินเชื่อแบบสุรุ่ยสุร่ายได้ทำให้เกิดกระแสปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้บรรดานักเก็งกำไรกำลังก่อให้เกิดเมืองร้าง เขาย้ำว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (IMF) ระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา สินเชื่อในเวียดนามมีมูลค่าถึงร้อยละ 136.4 ของจีดีพี ที่มีมูลค่า 476,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.15 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเกิดใหม่และรายได้ปานกลางกว่า 3 เท่า ธนาคารกลางเวียดนามรายงานว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราร้อยละ 19.3 ต่อปี เกินกว่าที่ธนาคารกลางกำหนดเพดานทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 16 และสูงกว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวเฉลี่ยเกือบร้อยละ 14
ด้านธนาคารโลก ระบุในรายงานล่าสุดเมื่อวันจันทร์ว่า สินเชื่อส่วนใหญ่ในเวียดนามปล่อยให้แก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้ซื้อบ้าน สัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เมื่อปีก่อน เป็นร้อยละ 5.3 เมื่อนับถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โดยยังไม่รวมการปล่อยสินเชื่อนอกงบดุล นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ยังกันสำรองหนี้เสียน้อยลง โดยกันลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

รัฐบาลเวียดนามเคยเปิดเผยว่า ต้องการทยอยยกเลิกเพดานการปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ปี 2569 ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ ธนาคารพาณิชย์ในเวียดนามพากันยึดเพดานดังกล่าวเป็นเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อ นายวิลลี ตาโนโต ผู้อำนวยการอาวุโสของกลุ่มวิเคราะห์อันดับเครดิตสถาบันการเงินในเอเชีย-แปซิฟิกของฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า มาตรการดังกล่าวอาจยิ่งเร่งให้สินเชื่อขยายตัวและโหมกระพือความเสี่ยงด้านเครดิตในระบบการเงินของเวียดนาม หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลอย่างเพียงพอ
รัฐบาลเวียดนามเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะชะลอการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์เวียดนามเดินหน้าทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีหนี้มาร์จินที่นักลงทุนกู้ยืมไปซื้อหุ้นสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเกินกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 350,130 ล้านบาท) ในไตรมาส 2 ของปีนี้ คิดเป็นร้อยละ 5 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปในขณะนั้น.-814.-สำนักข่าวไทย