พระนครศรีอยุธยา 18 ต.ค. – อธิบดีกรมชลประทานสั่งการเร่งซ่อมพนังกั้นน้ำแม่น้ำน้อยในอ. เสนา จ. พระนครศรีอยุธยาซึ่งถูกน้ำเซาะขาด ย้ำให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเดินทางไปติดตามการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำแม่น้ำน้อยที่ถูกน้ำเซาะขาดเป็นช่องกว้างประมาณ 15 เมตรเมื่อคืนที่ผ่าน โดยจุดขาดเป็นถนนชลประทานซึ่งเป็นพนังกั้นน้ำ อยู่ใกล้ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด ต. เสนา อ. เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา พร้อมสั่งการสำนักเครื่องจักรกลและโครงการชลประทานในพื้นที่ให้เร่งนำเครื่องจักรเครื่องมือเข้ามาปิดจุดขาดโดยเร็วที่สุด
แนวทางการซ่อมแซมคือ วางกล่องลวดถัก (gabion) ซึ่งบรรจุหินใหญ่ แต่มีข้อจำกัดของพื้นที่ที่เข้าปฏิบัติงานซึ่งสามารถนำเครื่องจักรเครื่องมือเข้าถึงจุดขาดได้ฝั่งเดียว โดยปกติแล้ว หากเข้าถึงได้ทั้ง 2 ฝั่ง จะเรียง gabion จากริมแต่ละฝั่งเข้าหากัน แล้วปิดตรงกลางซึ่งจะทำให้อุดช่องขาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ย้ำให้เร่งดำเนินการให้เสร็จเร็วเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อพื้นที่ด้านท้าย
สำหรับน้ำที่ไหลผ่านช่องขาดของพนังกั้นน้ำแม่น้ำน้อยนี้ จะไหลลงสู่คลองเจ้าเจ็ด-บางยี่หน โดยทุ่งเจ้าเจ็ดยังมีศักยภาพรองรับน้ำ ซึ่งจะไม่ทำให้น้ำไหลไปกระทบต่อพื้นที่ชุมชนในอ. เสนา
นายประพิศกล่าวถึงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำเหนือไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาน้อยลงตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำต่ำกว่า 3,000 ลบ.ม./วินาทีแล้ว วันนี้ระบายที่ 2,983 ลบ.ม./วินาที โดยมีแนวโน้มจะปรับลดลงตามลำดับ เพื่อให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงกว่าระดับตลิ่ง น้ำอยู่ในลำน้ำซึ่งกรมชลประทานจะบริหารจัดการได้เต็มประสิทธิภาพ
ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ปรับลดการระบายน้ำลงอีก โดยปรับลดลงทุกวัน จากอัตราเฉลี่ย 440 ลบ.ม. /วินาที เป็น 400 ลบ.ม./วินาที ทำให้การระบายต่อวันลดลงจาก 38.02 ล้านลบ.ม. เป็น 34.56 ล้านลบ.ม. พร้อมกันนี้สั่งการให้แบ่งน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสักเพิ่ม เพื่อช่วยให้ภาวะน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาคลี่คลายโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย