กรุงเทพฯ 18 ก.ย.- กรมชลประทานเร่งระบายน้ำแม่น้ำมูลตอนบน ลงสู่ตอนล่าง ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำมูลที่ไหลผ่าน จ. อุบลราชธานี สูงขึ้นต่อเนื่อง จึงต้องเร่งผลักดันออกสู่แม่น้ำโขง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมใน 5 จังหวัด และเป็นการพร่องน้ำในลำน้ำสำหรับรับน้ำจากฝนที่จะตกลงมาเพิ่มระยะนี้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้เร่งระบายน้ำจากตอนบนของลุ่มน้ำมูลลงสู่ตอนล่างและระบายออกสู่แม่น้ำโขง โดยทางตอนบน ที่ จ.นครราชสีมา ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 6 เครื่อง เร่งผลักดันน้ำในลำตะคองลงสู่แม่น้ำมูลให้เร็วที่สุด น้ำในลำตะคองยังอยู่ในลำน้ำและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน พร้อมกันนี้ยกบานระบายที่เขื่อนพิมายทุกบานให้พ้นน้ำและติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 34 เครื่อง เร่งระบายน้ำแม่น้ำมูลลงสู่ตอนล่าง ทำให้ปัจจุบันแนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำมูลตอนบนเริ่มลดลง
ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ ได้แขวนบานระบายเขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนาเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่ตอนล่างที่ จ.อุบลราชธานี ทำให้ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 112.44 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอีกฝั่งของแม่น้ำเป็นพื้นที่ อ.วารินชำราบ มีจุดฟันหลอ ซึ่งยังไม่ได้เสริมทำนบให้สูงกว่าระดับตลิ่งเดิมที่ 112 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จึงต้องนำกระสอบทรายไปล้อม แล้วติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำที่ไหลเข้าไป กลับแม่น้ำมูล
สำหรับการระบายน้ำแม่น้ำมูลตอนล่างออกสู่แม่น้ำโขง ได้เดินเครื่องผลักดันน้ำ 140 เครื่อง ที่ติดตั้งบริเวณสะพานพิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งผลักดันน้ำออก โดยระดับน้ำแม่น้ำโขงวันนี้สูงขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ 8 เซนติเมตร แต่อาศัยจังหวะที่ระดับน้ำแม่น้ำมูลยังสูงกว่าแม่น้ำโขงถึง 1.73 เมตร เร่งระบายออก โดยระบายที่อัตรา 2,769 ลบ.ม./วินาที
ปัจจุบัน ยังมีน้ำจากแม่น้ำมูลและลำน้ำสาขาที่เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งใน 5 จังหวัด ได้แก่
- อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา
- อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์
- อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์
- อ.ราษีไศล อ.ศิลาลาด อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ
- อ.วารินชําราบ อ.เดชอุดม อ.นาจะหลวย อ.นาเยีย อ.น้ำยืน อ.ดอนมดแดง อ.ตระการพืชผล และ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราขธานี
ทั้งนี้ กรมชลประทานเร่งระบายน้ำอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย รวมทั้งเตรียมรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นจากฝนตกหนักลงมาอีกในระยะนี้.-สำนักข่าวไทย