กรุงเทพฯ 18 ก.ค.-ยอดจองตั๋วคอนเสิร์ต เต็มรูปแบบครั้งแรก
หลัง โควิด-19 ระบาด สูงถึงร้อยละ 70 โดยตั๋วราคาสูงหมดเกลี้ยง
ผู้จัดกำหนดการดูแลป้องกันการติดเชื้อสูงกว่า มาตรฐานรัฐ “NEW NORMAL”
เตรียมจัดต่อหลังธุรกิจอีเวนท์หมื่นล้านบาทหดตัวหนัก
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดจองตั๋วคอนเสิร์ตสดในรูปแบบ Hybrid Concert ครั้งแรกของประเทศไทย “เวทีคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้ม” ยุค New Normal ภายใต้มาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
สอดรับกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล
ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่จำกัดค่าย ไม่มีสังกัด เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนวงการบันเทิง
และอุตสาหกรรมอีเว้นท์ที่จะคืนรอยยิ้มให้กับคนไทย ซึ่งประเดิมเปิดเวทีกับศิลปินคู่แรก
เจ-เจตริน วรรธนะสิน และติ๊นา-คริสติน่า อากีล่าร์ ในวันนี้ ( 18 ก.ค.) โดยจัดที่ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม พบว่า
ประชาชนมีความตื่นตัวเพราะเป็นการจัดเต็มรูปแบบ
ครั้งแรกหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ยอดจองในส่วนของตั๋วราคาสูงหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ภาพรวมของผู้ที่มาชมสด ขายได้รางร้อยละ 70 โดยการจัดงานเป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างของภาครัฐ
ที่ให้เว้นระยะห่าง 4 ตารางเมตรต่อคน ทำให้จำกัดการขายตั๋วได้เพียงประมาณ
900 ที่นั่ง
“ฟีดแบล็ก
บัตรแพงดีมาก คนที่มาดู มั่น ใจ มาตรการปลอด
โควิด -19 เพราะเราทำมากกว่าข้อกำหนดภาครัฐ ในขณะที่ภาครัฐเข้ามาตรวจ 4-5 รอบ ประกอบกับสิ่งที่รัฐบาลบอกมาตลอด
ว่าไม่มีการติดเชื้อในประเทศ 50กว่า ยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหา โดยก่อนเซทอัพ
เราก็ฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นน้ำยา หลายรอบ เราเตรียมดีที่สุดเหนือกว่าแสตนดาร์ดของภาครัฐ
คนที่เข้ามาทำงานก็มีการตรวจว่าปลอดเชื้อโควิด-19 ทุกคน” นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้
การจัดงานคอนเสิร์ตเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างความเป็นออฟไลน์ (Offline) และออนไลน์ (Online)
จึงเป็นที่มาของ Hybrid
Concert ครั้งแรกของประเทศไทย
ซึ่งสามารถเลือกรับชมได้ท้ังแบบ REAL LIVE ในสถานที่จริง แสงสีเสียงเต็มรูปแบบ
หรือทางออนไลน์ ผ่านการ Live Streaming โดยการขายในระบบออนล์ก็ขายได้หลายร้อยบัตร
“การจัดงานครั้งนี้ถือว่า คุ้มทุน เพราะทุกคนทุกฝ่ายฟรี
ไม่มีค่าสถานที่ ไม่มีค่าตัว มีรายได้ก็มาจัดแบ่งเท่าๆกัน ทุกบาททุกสตางค์คือกำไร
เป็นโมเดลใหม่ Friendship Economy เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจอีเวนท์
ธุรกิจคอนเสิร์ตเดินหน้าไปได้ คนไทยก็มีคอนเสิร์ตได้ดู
เราร่วมกันทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้”นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกร
กล่าวว่า จากนี้ไปก็จะมีคอนเสิร์ต รูปแบบนี้ต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นการปรับตัวของธุรกิจอีเวนท์และคอนเสิร์ต
หลังกระทบหนัก จากโควิด-19 โดย
ภาพรวมของธุรกิจอีเวนท์แต่ละปีมีมูลค่าราว 13,000 ล้านบาท ปีนี้น่าจะลดลงไปถึงร้อยละ
75-80
ซึ่งทุกธุรกิจขณะนี้ต่างรอให้โลกค้นพบและประกาศใช้วัคซีนป้องกันออกมาโดยเร็ว
โดยในส่วนของบริษัทได้มีการปรับตัว หารายได้เสริม
ด้วยการจำหน่ายและให้บริการ spray
น้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งในและต่างประเทศ ที่เป็นระดับ
food grade ใช้ได้ในห้องผ่าตัด
ห้องฆ่าเชื้อ และสถานที่ทั่วไป โดยได้ใบรับรองจากทางการของทั้งในไทยและต่างประเทศ –สำนักข่าวไทย