15 ก.ย. – มีความคืบหน้าสำคัญจากกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ บุกโรงงานและจับกุมคนงานเกาหลีใต้นับร้อยคนจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างไร ติดตามจากรายงาน 9 ทันโลก
การครองทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งรัดนโยบายตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มข้น จนมีการจับกุมและเนรเทศผู้คนหลายหมื่นคน แต่หลายครั้งก็เกิดปัญหา โดยเฉพาะกรณีการตรวจค้นและจับกุมโรงงานบริษัทเกาหลีใต้ ที่ขณะนี้กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศไปแล้ว
ปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่ถึง 400 คน ระดมกำลังเพื่องานชิ้นนี้ เป้าหมายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา คือโรงงานรถยนต์ของฮุนได และโรงงานแบตเตอรี่แอลจี เอนเนอร์จี โซลูชั่น บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ ที่ตั้งอยู่ในรัฐจอร์เจีย คนงานอยู่ในสภาพสับสน ถูกบุกค้นเข้าถึงตัวแบบสายฟ้าแลบ โดยไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้รับข้อความจากหัวหน้าก่อนหน้าไม่นานแจ้งเพียงว่าให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่
จากนั้นไม่ทันตั้งตัวพวกเขากลายเป็นผู้ต้องหา ถูกพันธนาการมือและเท้า พนักงานรวม 475 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ราว 300 คน ถูกแบ่งกลุ่มตัวสัญชาติและสถานะวีซ่า เมื่อทรัพย์สินข้าวของส่วนตัว รวมถึงโทรศัพท์ต้องถูกริบ ทำให้ครอบครัวของพวกเขามืดแปดด้านว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าหัวหน้าครอบครัวที่ออกไปทำงานต้องถูกใส่กุญแจมือ นำตัวไปขึ้นรถนักโทษไปยังสถานที่คุมขัง
โรงงานแห่งนี้เป็นโครงการลงทุนขนาดยักษ์ มูลค่า 7,600 ล้านดอลลาร์ บนเนื้อที่กว่า 7,000 ไร่ ที่ผู้ว่าการรัฐยกให้เป็นโครงการลงทุนใหญ่ที่สุดในรัฐ สร้างงานตั้งแต่เปิดเมื่อปีที่แล้ว เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมีบางส่วนกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อใช้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งส่วนนี้เองที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าจ้างงานผิดกฎหมาย
จากคำบอกเล่าของคนงาน ผู้ที่ถูกนำไปคุมขังในเรือนจำส่วนใหญ่เป็นคนงานเข้าไปติดตั้งสายการผลิต ว่าจ้างโดยผู้รับเหมา มีเพียงส่วนน้อยที่บริษัทแม่ในเกาหลีใต้ส่งไปเพื่อฝึกอบรม สำนักงาน ICE เปิดเผยว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัว 475 คน อยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเข้าเมืองผิดวิธี ข้ามพรมแดน บางคนได้รับยกเว้นวีซ่าแต่ไม่สามารถทำงานได้ รวมไปถึงคนที่วีซ่าหมดอายุ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ชื่นชมการทำงานของ ICE ตามนโยบายของเขา แล้วเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้
แต่สำหรับชาวเกาหลีใต้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาได้เห็นจากนายทรัมป์ พวกเขาแสดงความเห็นใจเพื่อนร่วมชาติที่ต้องถูกใส่กุญแจมือ และถูกคุมตัวในเรือนจำราว 1 สัปดาห์ เมื่อเดินทางกลับเกาหลีใต้แล้ว จึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ภาคประชาสังคมและองค์กรธุรกิจเกาหลีใต้เรียกร้องคำขอโทษจากนายทรัมป์อย่างเป็นทางการ ต่อความผิดพลาดและความเสียหายที่โรงงานต้องเลื่อนกำหนดเปิดไปอย่างน้อย 2 เดือน
ในวันนี้รัฐบาลเกาหลีใต้โดยโฆษกทำเนียบประธานาธิบดี ประกาศว่า ได้เปิดการสืบสวนละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพลเมืองเกาหลีใต้ ระหว่างการตรวจค้นและคุมขัง โดยจะให้บริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมในการสืบสวนอย่างละเอียด เกาหลีใต้จึงมีโจทย์ใหญ่ เรื่องเม็ดเงินที่รับปากจะเข้าไปลงทุนในสหรัฐ 150,000 ล้านดอลลาร์ จากการเจรจาภาษีทรัมป์ เรื่องนี้เป็นบททดสอบสำคัญ
ก่อนนี้ นายอี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อธิบายสถานการณ์นี้ว่าน่าพิศวงงงงวย แล้วส่งคำเตือนไปว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้สหรัฐสูญเสียการลงทุนจากต่างชาติได้.-สำนักข่าวไทย