16 กันยายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลน่าสงสัย :
มีข้อมูลน่าสงสัยเกี่ยวกับการระบาดของ Fentanyl ยาบรรเทาปวดที่ถูกใช้เป็นสารเสพติดในสหรัฐอเมริกา เมื่อ แพม บอนดี อัยการสูงสุดสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในวาระที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งครบ 100 วัน เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 ด้วยการอ้างผ่านทางบัญชี X ส่วนตัวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยชีวิตชาวอเมริกันได้ถึง 119 ล้านคนจากการตรวจยึดยาที่มีส่วนผสมของสารเสพติด Fentanyl ได้ถึง 22 ล้านเม็ด

บทสรุป :
1.การยึดยา Fentanyl ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมืออ้างความสำเร็จทางการเมืองบ่อยครั้ง
2.ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจำนวนยา Fentanyl ที่ถูกยึดไม่สามารถแปรเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมด
3.แนวโน้มการตรวจยึดและการตายจากยา Fentanyl ในสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อน
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :
ข้อมูลที่อัยการสูงสุดสหรัฐฯ อ้างอิง นำมาจากเว็บไซต์ของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ (DEA) ที่รายงานว่า ในช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 28 เมษายน 2025 ทางการสหรัฐฯ ตรวจยึดยา Fentanyl ได้ 22.2 ล้านเม็ด น้ำหนัก 1,400 กิโลกรัม
เนื่องจากยา Fentanyl ปริมาณเพียง 2 มิลลิกรัม อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จำนวนยา Fentanyl ที่ยึดได้ 22 ล้านเม็ดจึงเป็นภัยต่อประชากร 119 ล้านคน
ข้ออ้างไม่สมเหตุผลและเกินจริง
หากยา Fentanyl จำนวน 22 ล้านเม็ด เป็นภัยต่อชีวิตประชากร 119 ล้านคน แสดงว่ายา Fentanyl 1 เม็ด จะทำให้มีคนเสี่ยงเสียชีวิตถึง 5 คน ซึ่ง โจนาธาน คาลกินส์ นักวิจัยด้านนโยบายปราบปรามยาเสพติดของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน มองว่าเป็นเรื่องไร้เหตุที่จะอ้างว่าการยึดยา Fentanyl จำนวน 1 เม็ดช่วยชีวิตคนได้ 5 คน เพราะปกติแล้วยาเสพติด 1 เม็ดจะถูกใช้โดยผู้เสพเพียง 1 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ Fentanyl 1 เม็ด จะเป็นอันตรายต่อคนถึง 5 คน
นอกจากนี้ การเสพยา Fentanyl 1 เม็ด ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การเสียชีวิตทุกครั้ง ปริมาณที่เป็นอันตรายของยายังขึ้นอยู่กับส่วนสูงและน้ำหนักของผู้รับยา รวมถึงความสามารถของร่างกายที่สามารถทนรับสารเสพติดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปริมาณยา Fentanyl 2 มิลลิกรัม ที่ DEA มองว่าเป็นอันตราย คือปริมาณสำหรับผู้ที่ใช้ยา Fentanyl เป็นครั้งแรก
โจนาธาน คาลกินส์ ชี้แจงว่าปกติแล้วการเสพยาครั้งแรกจะไม่นำไปสู่การเสียชีวิต ผู้เสพมักจะเสพยาวันละหลายโดสติดต่อกันหลายปีก่อนจะนำไปสู่ภาวะการใช้ยาเกินขนาด
ข้อมูลจากสำนักงาน National Survey on Drug Use and Health เมื่อปี 2023 พบว่ามีชาวอเมริกัน 25% ที่เคยใช้สารเสพติด ส่วนใหญ่คือสารสกัดจากกัญชา และมีเพียง 0.2% ที่เคยใช้ยา Fentanyl หรือประมาณ 684,000 รายเท่านั้น
การอ้างความสำเร็จจากการยึดยา Fentanyl
ปริมาณการตรวจยึดยา Fentanyl มักถูกนำมาอ้างความสำเร็จทางการเมืองในสหรัฐฯ บ่อยครั้ง
ปี 2018 เจฟ เซสชันส์ อัยการสูงสุดในรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ชุดที่ 1 กล่าวเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2018 ว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ สำนักงาน DEA ของสหรัฐฯ ได้ตรวจยึดยา Fentanyl น้ำหนักกว่า 64 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถฆ่าคนได้ถึง 21 ล้านคน
ในช่วงปลายปี 2021 เมอร์ริก การ์แลน อัยการสูงสุดในรัฐบาล โจ ไบเดน กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนกันยายน ทางการสหรัฐฯ ตรวจยึดยา Fentanyl ได้ถึง 1.8 ล้านเม็ด เป็นปริมาณที่มากพอจะฆ่าชาวอเมริกันได้มากกว่า 7 แสนราย
การตรวจยึดยา Fentanyl ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง
แม้ปริมาณการตรวจยึดยา Fentanyl ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าในช่วงปีงบประมาณของปี 2024 ทางการสหรัฐฯ ตรวจยึดยา Fentanyl ในปริมาณไม่ถึง 22,000 ปอนด์ น้อยกว่าปริมาณยา Fentanyl ที่ตรวจยึดได้ในช่วงปีงบประมาณของปี 2023 ที่ 27,000 ปอนด์
เดือนธันวาคม 2024 ทางการสหรัฐฯ ตรวจยึดยา Fentanyl ได้ 1,200 ปอนด์ แต่ในช่วง 2 เดือนแรกที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการตรวจยึดยา Fentanyl ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมได้เพียง 611 ปอนด์ และ 760 ปอนด์ ตามลำดับ
การตายจากยา Fentanyl ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง
แนวโน้มการเสียชีวิตจากการใช้ยา Fentanyl ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยช่วงเดือนธันวาคม 2022 ถึง พฤศจิกายน 2023 สหรัฐฯ มียอดผู้เสียชีวิตจากการใช้ยา Fentanyl เกินขนาดที่ 75,000 ราย แต่ช่วงเวลาเดียวกันในปีล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตลดลงเหลือประมาณ 50,000 ราย
ปัจจัยทำให้ยอดตายจากยา Fentanyl ลดลง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามยาเสพติดมองว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การเสียชีวิตจากยา Fentanyl ลดลง ไม่เพียงแต่ยอดการตรวจยึดที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความต้องการใช้ยา Fentanyl ที่ลดลง ผู้ใช้ยา Fentanyl เข้าถึงการบำบัดง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงยา Naloxone ยาแก้พิษจากการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์เกินขนาด มีทั้งแบบยาฉีด ยารับประทาน และแบบยาพ่นจมูก ตัวยาจะทำหน้าที่เป็น competitive inhibitor เพื่อไปแย่งจับที่ Opiate Receptor โดยไม่มีฤทธิ์ลดอาการปวดหรือกดการหายใจที่ศูนย์ควบคุมการหายใจ
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.politifact.com/factchecks/2025/may/01/pam-bondi/Bondi-Trump-fentanyl-seizures-overdose/
https://www.factcheck.org/2025/05/bondi-far-overstates-the-impact-of-fentanyl-seizures-on-american-lives/
https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/anti-cov/naloxone
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter