กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – ธนาคารกรุงศรีคาดสงครามการค้ายังยืดเยื้อต่อ กดดันส่งออกไทยติดลบ 1.5 % ส่วนเงินบาทแข็งค่าต่อ 29.50 บาทในปีนี้
นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ปัญหาสงครามการค้าจะยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องและยังปั่นป่วนต่อไปและอาจขยายวงกว้างมากขึ้น หลังจากสหรัฐ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ อากาศยาน และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และเม็กซิโก นอกจากนี้ สหรัฐยกเลิกการให้สิทธิ์จีเอสพี ขณะที่อินเดียโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ โดยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.3% และปีหน้าขยายตัว 3.6% ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่อยู่ที่ 3.4% ซึ่งมาจากการส่งออกที่มีแนวโน้มติดลบ 1.5 % และการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว โดยค่าเงินบาทแข็งค่านำภูมิภาค ซึ่งตั้งแต่ต้นปีค่าเงินบาทแข็งค่าสูงถึง 6.32% ขณะที่เปโซ ฟิลิปินส์ แข็งค่า 3% และรูเปียะห์ อินโดนีเซียแข็งค่าขึ้น 1.96%
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์หรัฐมีทิศทางอ่อนค่า จากการที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับครั้งแรกในการประชุมปลายเดือนนี้ และอีกครั้งเดือนกันยายน 2562 ซึ่งธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดการณ์ค่าเงินบาทสิ้นปีนี้แข็งค่าอยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสจะหลุด 30 บาท อยู่ที่ 29.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และตลาดการเงินจะมีความผันผวนต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่จะลดดอกเบี้ย โดยจะกดดันให้ค่าเงินบาทปีหน้ามีโอกาสแข็งค่าต่อ เคลื่อนไหวในกรอบ 29.50-31.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยที่ 1.75 % ตลอดปีนี้ แต่อาจจะลดลง 1 ครั้งปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมาก และเงินบาทแข็งค่ามากจนไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน เพราะปัจจุบันขีดความสามารถในการทำนโยบายการเงินมีค่อนข้างจำกัด.- สำนักข่าวไทย