3 ก.ย.- ทภ.1 ขอคนไทยมั่นใจ ทวงคืนอธิปไตย ‘บ้านหนองจาน’ ได้ เล็งยกระดับมาตรการกดดัน นอกจากกดดันด้วยกระดาษ เล็งเข้ารื้อถอนเพิ่ม ย้ำ ‘แม่ทัพภาคที่ 1’ ควบคุม สั่งการ ลงพื้นที่ตลอด แต่ขอปิดทองหลังพระ ไม่หิวแสง ย้ำเปลี่ยนแม่ทัพ – เปลี่ยนรัฐบาล ไม่ส่งผลความมั่นคงชายแดน
พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณพื้นที่ จ.สระแก้ว มีความสำคัญและจากนี้ไปกองทัพภาคที่ 1 จะแถลงข่าวตามสถานการณ์ ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการสรุปสถานการณ์ ว่า ได้ปฏิบัติตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ 681 กองทัพบก โดยย้ำว่า กองทัพภาคที่ 1 ได้ปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืด 26ก.ค. 2568 ในการผลักดันพื้นที่เป้าหมายด้วยศักยภาพที่สูงกว่าหลายเท่า ทำให้ฝ่ายกัมพูชาล่าถอยออกไป จึงสามารถทวงคืนอธิปไตยบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว มาได้ส่วนหนึ่งและมีการกั้นแนวลวดหนามเพื่อเป็นแนวป้องกัน ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าว แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ลงพื่นที่กำกับด้วยตนเอง โดยย้ำความรอบคอบเพื่อไม่ให้พลเรือนกัมพูชาบาดเจ็บและเสียชีวิต เพราะกระทบฝ่ายไทยต่อสายตาต่างประเทศ
ต่อเนื่องจากการปฏิบัติการดังกล่าว ตนเองเป็นตัวแทน กองทัพภาคที่ 1 ในการเดินทางไปร่วมประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อผลักดันข้อตกลง 13 ข้อ โดยมี 2 ข้อ ที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ตอบรับ คือ การเก็บกู้ทุนระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่ง เป็นการบ้านสำคัญของ กองทัพภาคที่ 1 และดำเนินการจนสำเร็จ ทำให้ฝ่ายกัมพูชาตอบรับในการประชุม RBC ที่ จ.สระแก้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นสารตั้งต้นในการแก้ปัญหาต่างๆ เพราะในการรบ การเอาชนะไม่ได้มีเพียงการใช้กำลังเท่านั้น แต่ยังมียุทธการและยุทธศาสตร์อื่นๆ โดยเฉพาะการซีลชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ทำให้บ่อนกาสิโนหลายแห่งกำลังจะปิด จะส่งผลโดยตรงกับกัมพูชา เพราะรายได้จากบ่อนกาสิโนเป็นที่มาของงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์

ทั้งนี้การดำเนินการจนฝ่ายกัมพูชายอมรับ 2 ข้อ ทาง กองทัพภาคที่ 1 ยังดำเนินการให้กัมพูชายอมรับเพิ่มกรณีจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ซึ่งรวมถึงพื้นที่บ้านหนองจานที่กัมพูชารุกล้ำมานาน โดยในการเจรจาฝ่ายกัมพูชาพยายาขีดฆ่าไม่ยอมรับ 3 รอบ แต่ในที่สุดก็ทำสำเร็จ
ซึ่งในวันนี้ จ.สระแก้ว โดย ผู้ว่าฯ ได้พาประชาชนไปรังวัดพื้นที่เพื่อเตรียมเอกสารสิทธิ์ จึงเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่บ้านหนองจานส่วนหนึ่งกำลังมีความสุข หลังถูกละเมิดมากว่า 40 ปี และจากนี้ ผู้ว่าฯ จ.สระแก้ว จะมีการต่อยอด โดยมีการทำหนังสื่อถึงผู้ว่าฯ จ.บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เพื่อให้อพยพยาวบ้านอีกร้อยกว่าหลังคาเรือนออกไป มิเช่นนั้นจะมีความผิดตามกฎหมายเข้าเมือง จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพภาคที่ 1 จะเดินหน้าต่อเนื่อง ในการทวงพื้นที่อธิปไตยบ้านหนองจานกลับมา เพราะเป็นนโยบายสำคัญที่ แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับมาตลอด
“ท่านแม่ทัพภาคที่ 1 ท่านขอปิดทองหลังพระ ท่านไม่ต้องการแสงมากมาย แต่ขอให้ประชาชนไทยให้เวลา วันนี้เรานับ1-2 มาแล้ว จะต้องมีความรืบหน้า แต่อาจไม่ทันใจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องใช้ความรอบคอบ ถ้าใช้กำลังทหารกับประชาชนชาวกัมพูชา ภาพลักษณ์ประเทศไทยจะเป็นอีกแบบทันที”
พร้อมย้ำว่า วันนี้ขอฝากแฮชแท็ก แผ่นดินของเราย่อมเป็นของเราอยู่ดี เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ากระบวนการทวงคืน อธิปไตยบ้านหนองจานจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากนี้ไปคงไม่สามารถใช้ บทคนไทยเป็นพี่ใหญ่ใจดีได้อีกต่อไป หากส่งหนังสือแล้วทางกัมพูชา ยังไม่นำประชาชนของตัวเองออกไป ฝ่ายไทยคงไม่เพียงส่งหนังสือประท้วงเช่นที่ผ่าน แต่จะต้องตามมาด้วยมาตรการกดดันต่างๆ เช่น การรื้อถอน หรือมาตรการอื่นๆ ที่เราจะกำหนดและออกแบบมา
เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ยังกล่าวด้วยว่า ขอยืนยัน กองทัพภาคที่ 1 ยึดมั่นในศักดิ์ศรี การรักษาอธิปไตย ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชน การกล่าวหาว่ามีผบประโยชน์ในพื้นที่ ถ้าใครมีหลักฐานให้นำชื่อ นามสกุล และสังกัดมาแจ้งที่ตัวเอง เพื่อดำเนินคดีทั้งทสงวินัยและอาญา
เมื่อถามถึงกรณีการเปิด-ปิดด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ก่อนหน้านี้จนถูกวิจารณ์ ว่า การเปิดด่านอยู่ในอำนาจกองกำลังบูรพา ที่อยู่ภายใต้ กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งการเปิดด่านครั้งล่าสุด คนเข้าเมืองเพราะได้รับรายงานจากตรวจคนเข้าเมืองว่ามีปริมาณคนไทยตกค้างฝั่งกัมพูชาจำนวนมาก จึงได้อนุญาตเป็นกรณีไป และได้ปิดด่านสนิทไปแล้ว
พร้อมระบุว่าในการอนุญาตให้คน 2 ประเทศ กลับประเทศตัวเอง ไม่ได้ดำเนินการแบบเวลาปกติ โดยมีการสุ่มตรวจโทรศัพท์และทำการสอบสวน ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในขบวนการสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ผู้ที่ข้ามไปเล่นการพนัน โดยจะนำไปต่อยอดในการปราบปรามและตัดท่อน้ำเลี้ยง
เมื่อถามว่าในเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกและเปลี่ยนแม่ทัพหรือไม่ รวมถึงนโยบายของกองทัพจะดำเนินต่อไปหรือไม่ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เรื่องของระบบหรือนโยบายต้องมีความชัดเจน เพราะบางอย่างเราต้องทำตามกรอบหรือเจตนารมย์ของกองทัพ และต่อไปนี้เชื่อว่าจะมีกรอบนโยบายระดับชาติ เหมือนที่มีการตั้งคำถามว่าในระดับรัฐบาลมีการตั้งมาตรฐานอย่างไรเช่นกัน ส่วนขณะนี้ได้มีการนำส่งปัญหาต่างๆ ในพื้นที่รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ในฝั่งของกองทัพภาคที่ 2 แล้ว เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เรากำลังรวบรวมข้อมูลให้ได้ข้อตกลงกัน และต้องทำข้อตกลงกับกัมพูชาให้ได้ในระดับหนึ่งก่อน เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้
เมื่อถามอีกว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะเป็นสุญญากาศทางการเมือง จะทำให้เป็นปัญหาเรื่องของความมั่นคงหรือไม่ พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวว่า ไม่ ตนเชื่อว่ารัฐบาลรักษาการมีหน้าที่ในการปฏิบัติแก้ไขปัญหา เพราะฉะนั้นตนในฐานะที่เป็นทหาร ก็ต้องทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ รักษาอธิปไตยของชาติอย่างเข้มแข็ง และในพื้นที่ก็ไม่น่อยหน้า-313 -สำนักข่าวไทย