สิงโตในสวนสัตว์สิงคโปร์ติดโควิดจากคนเลี้ยง

สิงคโปร์ 10 พ.ย.- สิงโต 4 ตัวที่สวนสัตว์ในสิงคโปร์มีผลตรวจหาเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นบวก หลังจากใกล้ชิดกับคนเลี้ยงที่ติดเชื้อ สำนักงานดูแลสัตว์ของรัฐบาลสิงคโปร์แถลงว่า สิงโตอินเดียหรือสิงโตเอเชียทั้ง 4 ตัวในสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีอาการไอและจาม จึงถูกตรวจหาเชื้อ ขณะนี้ทางสวนสัตว์ได้แยกกักสิงโตทั้ง 4 ตัว และสิงโตอีก 5 ตัวไว้ในถ้ำแล้ว ด้านบริษัทที่ดูแลไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นสวนสัตว์เปิดที่ให้คนเข้าชมเฉพาะตอนเย็นถึงค่ำแจ้งว่า สิงโตทั้งหมดยังคงกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เชื่อว่าจะหายดีได้โดยรับการรักษาเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันมีการยืนยันว่า คนดูแลสัตว์ 3 คนที่สวนสัตว์แห่งนี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ด้านสวนสัตว์สิงคโปร์ที่อยู่ถัดจากไนท์ซาฟารีแจ้งว่า สิงโตแอฟริกา 1 ตัวมีอาการป่วย เจ้าหน้าที่ได้สั่งตรวจหาเชื้อแล้ว อย่างไรก็ดี สวนสัตว์ทั้ง 2 แห่งยังคงเปิดให้คนเข้าชม แต่ปิดเฉพาะส่วนแสดงสิงโตเป็นการชั่วคราว ที่ผ่านมามีกรณีสัตว์ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นครั้งคราว สวนสัตว์ในสหรัฐเคยพบสิงโต เสือและกอริลลาติดเชื้อ ขณะที่แมวและสุนัขเลี้ยงในบ้านก็มีติดเชื้อเช่นกัน ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสิงคโปร์ขณะนี้กำลังมีการระบาดรุนแรงที่สุด มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 2,000-3,000 คน และเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง โดยมียอดติดเชื้อสะสมกว่า 224,200 คน เสียชีวิต […]

สิงคโปร์จะไม่ออกค่ารักษาให้ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด

ประชาชนชาวสิงคโปร์ที่เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และติดเชื้อไวรัสนี้ จะต้องออกค่ารักษาพยาบาลเองตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่นายออง ยี คุง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่าเป็นสัญญาณสำคัญที่ส่งไปยังผู่ที่ยังไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน

สิงคโปร์ครองแชมป์เมืองอัจฉริยะของโลก-ไทยรั้งอันดับ 76

สิงคโปร์ 2 พ.ย.-รายงานผลการจัดอันดับของดัชนีเมืองอัจฉริยะ (Smart City Index) ระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สาม ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับที่ 76 ร่วงลงจากอันดับที่ 71 เมื่อปีก่อน การจัดอันดับดัชนีเมืองอัจฉริยะระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่สามติดต่อกัน ตามมาด้วยนครซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับสอง กรุงออสโลของนอร์เวย์ในอันดับสาม  ไทเปของไต้หวันในอันดับสี่ และนครโลซานน์ของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับห้า ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับ 76 ร่วงจากอันดับ 71 ในปีที่แล้ว ส่วนนครรีโอเดจาเนโรของบราซิลรั้งอันดับ 118 ซึ่งเป็นอันดับท้ายสุดและร่วงจากอันดับ 102 เมื่อปีก่อน ดร. บรูโน แลนวิน ประธานสำนักสังเกตุการณ์เรื่องเมืองอัจฉริยะของสถาบันการพัฒนาการจัดการ หรือไอเอ็มดี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์ของสิงคโปร์ว่า สิงคโปร์ประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่จากนโยบายในระดับเมืองและประเทศ โดยเฉพาะในด้านการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษา และการใช้ยุทธศาสตร์เมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ดร. แลนวิน ยังตั้งข้อสังเกตว่า สิงคโปร์สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ระบาดของโรคซาร์สมาได้ และมีความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก ไอเอ็มดีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ได้ร่วมกันประกาศผลการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะจากทั้งหมด 118 […]

สิงคโปร์อาจมีคนตายเพราะโควิดมากถึงปีละ 2,000 คน

รัฐมนตรีสิงคโปร์เตือนว่า เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สิงคโปร์อาจมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มากถึงปีละ 2,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย ทางการจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผู้เสียชีวิตมากเกินควร

สิงคโปร์จะบริจาคเวชภัณฑ์ให้อาเซียนรับมือภาวะฉุกเฉินสาธารณสุข

สิงคโปร์ 26 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ในวันนี้ว่า สิงคโปร์จะบริจาคเวชภัณฑ์มูลค่า 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (261 ล้านบาท) ให้กองทุนสำรองระดับภูมิภาค เป็นการสนับสนุนความร่วมมือของอาเซียนเพื่อเตรียมรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคต นายกรัฐมนตรีลีกล่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 38 และ 39 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26-28 ตุลาคมและมีสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ของบรูไนเป็นประธานว่า อาเซียนจำเป็นต้องแก้ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด สิงคโปร์ได้บริจาควัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก และกำลังขยายบริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนด้วยการตั้งโรงงานผลิตวัคซีนใหม่ 3 แห่ง เพื่อช่วยกระจายวัคซีนโควิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วและเท่าเทียม นายกรัฐมนตรีลียังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งเมื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด โดยยกตัวอย่างโครงการเดินทางระหว่างประเทศของสิงคโปร์ที่อนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ ทั้งยังเห็นด้วยกับการนำกรอบแผนงานโครงการระเบียงท่องเที่ยวของอาเซียนที่เริ่มไว้เมื่อปีก่อนมาปรับใช้ รวมถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาด้านดิจิทัลเพื่อให้สามารถเปิดการเดินทางระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย เช่น การพัฒนาใบรับรองด้านสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่อแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดและการฉีดวัคซีนโควิดให้เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีลียังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเร่งกระบวนการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (RCEP) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกและมีความเกี่ยวข้องกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้. -สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นแต่งตั้งชาวสิงคโปร์เป็นทูตพิเศษเมียนมาคนใหม่

นิวยอร์ก 26 ต.ค. – นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศแต่งตั้งนางโนลีน เฮย์เซอร์ นักสังคมวิทยาชาวสิงคโปร์ เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของยูเอ็น นางเฮย์เซอร์ วัย 73 ปี ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของยูเอ็น และจะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เธอหวังว่าจะได้รับฟังความปรารถนาและมุมมองของทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาทางการเมืองในเมียนมาโดยสันติเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของชาวเมียนมาทุกคน ทั้งนี้ นางเฮย์เซอร์จะเข้ารับตำแหน่งทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาต่อจากนางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ นักการทูตชาวสวิส วัย 58 ปี ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ นางเฮย์เซอร์เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงของยูเอ็นมาแล้วหลายตำแหน่ง เช่น เลขาธิการคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและสังคมประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอสแคป ในปี 2550-2557 และที่ปรึกษาพิเศษประจำติมอร์-เลสเตในปี 2556-2558 นอกจากนี้ เธอยังเคยทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน และทางการเมียนมาในด้านการพัฒนาและการลดปัญหาความยากจน. -สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์ต้อนรับนักเดินทางภายใต้โครงการไม่ต้องกักตัว

สิงคโปร์ต้อนรับนักเดินทางกลุ่มแรกในวันนี้ ภายใต้โครงการการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเพื่อดูอาการ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการทำให้สิงคโปร์ที่เป็นศูนย์กลางด้านการบินกลับมาเชื่อมต่อกับเครือข่ายการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้งแม้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงเพิ่มขึ้น

สิงคโปร์จะไม่กักตัวคนจากอีก 8 ประเทศถ้าฉีดวัคซีนครบ

สิงคโปร์จะอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติจากอีก 8 ประเทศ ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครบสองโดส เข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไป ตามนโยบายผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ และเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด

สิงคโปร์เปิดพรมแดนรับผู้เดินทางไม่ต้องกักตัว

สิงคโปร์กำลังจะเปิดพรมแดนรับผู้เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มประเทศมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกักตัวเพื่อดูอาการ ในขณะที่สิงคโปร์กำลังพยายามจะกลับมาเสริมสร้างสถานะประเทศที่เป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศอีกครั้วและเตรียมปรับตัวเพื่อไปสู่ “นิวนอร์มอล” หรือ ความปกติใหม่ในการอยู่ร่วมกันกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

บ. ยาสิงคโปร์ทำข้อตกลงกับรัฐบาลจัดซื้อยา “โมลนูพิราเวียร์”

สิงคโปร์ 6 ต.ค. – เอ็มเอสดี บริษัทเวชภัณฑ์ในเครือเมอร์ค แอนด์ โค ของสหรัฐ ประกาศวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลสิงคโปร์ในการเป็นผู้จัดหาและจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาเม็ดต้านเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หากยาดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานของรัฐบาล เอ็มเอสดีระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สิงคโปร์ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์เมื่อยาดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ขณะที่กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็มเอสดีประจำสิงคโปร์และมาเลเซีย กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าจำเป็นต้องมียาและวัคซีนหลายขนานเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์จัดการโรคโควิด-19 แบบมองการณ์ไกลของสิงคโปร์ และคำมั่นของรัฐบาลที่จะทุ่มทุนในเวชภัณฑ์และวัคซีนเพื่อต่อสู้กับการระบาด เอ็มเอสดีระบุว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ได้รับการพัฒนาโดยเมอร์ค แอนด์ โค และริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ และกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่สาม ก่อนหน้านี้ เมอร์ค แอนด์ โค เผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ร้อยละ 50 ในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์อนุมัติกฎหมายควบคุมการแทรกแซงจากต่างชาติ

สิงคโปร์ 5 ต.ค. – รัฐสภาสิงคโปร์ให้ความเห็นชอบกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลมีอำนาจกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในการรับมือกับการแทรกแซงจากต่างประเทศ แต่ทำให้พรรคฝ่ายค้านและผู้เชี่ยวชาญรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับขอบเขตและข้อจำกัดที่กว้างเกินไปในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล สื่อท้องถิ่นของสิงคโปร์รายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ รัฐบัญญัติว่าด้วยการตอบโต้การแทรกแซงจากต่างประเทศ (FICA) และผ่านความเห็นชอบในช่วงค่ำวันจันทร์ด้วยคะแนนสนับสนุน 75 ต่อ 11 เสียง กฎหมายดังกล่าวจะอนุญาตให้รัฐบาลมีสิทธิควบคุมอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียและผู้ให้บริการเว็บไซต์ข้อมูล รวมถึงการระงับเนื้อหาและลบแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า กฎหมายนี้จะไม่ครอบคลุมการสร้างพันธมิตรในต่างประเทศ การชักชวนธุรกิจต่างประเทศ การสร้างเครือข่ายกับต่างชาติ รวมถึงการจัดหาเงินบริจาค การหารือนโยบายหรือประเด็นการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ทำร่วมกับต่างชาติหรือพันธมิตรทางธุรกิจ หรือการสนับสนุนงานกุศล นายเค ชันมูกัม รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาว่า ตราบใดที่ชาวต่างชาติดำเนินการอย่างเปิดเผยและโปร่งใส และไม่ได้มีส่วนในความพยายามบิดเบือนวาทกรรมทางการเมืองของสิงคโปร์ หรือบ่อนทำลายผลประโยชน์สาธารณะ เช่น ความมั่นคง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่า การใช้ภาษาที่กว้างเกินไปในกฎหมายทำให้เสี่ยงต่อการจับกุมแม้เป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมาย ขณะที่องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลจัดการกับสำนักข่าวอิสระได้ ด้านผู้เชี่ยวชาญและพรรคฝ่ายค้านสิงคโปร์ได้เรียกร้องให้จำกัดขอบเขตการใช้อำนาจที่แคบลงและให้อำนาจทางตุลาการมากขึ้นเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านโวย F-16 สิงคโปร์ ซ้อมบินเสียงดัง สร้างความเดือดร้อน

กรรมาธิการการต่างประเทศลงพื้นที่จี้กองบิน 23 อุดรธานี แก้ปัญหาเครื่องบินรบ F-16 ของสิงคโปร์ ซ้อมบินเสียงดัง เดือดร้อนชาวบ้าน โรงเรียนต้องหยุดเรียนชั่วคราว เพราะเสียงเครื่องบินรบกวนเด็กนักเรียน

1 15 16 17 18 19 65
...