จาการ์ตา 14 พ.ย.- กองทัพเรืออินโดนีเซียปฏิเสธข่าวเรียกเงินจากเจ้าของเรือ แลกกับการปล่อยเรือที่ทอดสมอในน่านน้ำอินโดนีเซียใกล้สิงคโปร์ โดยยืนยันว่าเป็นการกักเรือตามกระบวนการทางกฎหมาย
ผู้บังคับการกองเรือภาคตะวันตกของอินโดนีเซียส่งหนังสือชี้แจงข้อถามของรอยเตอร์ว่า ข่าวเรื่องกองทัพเรืออินโดนีเซียรับเงินหรือเรียกรับเงินเพื่อให้ปล่อยเรือไม่เป็นความจริง ไม่มีการจ่ายเงินให้กองทัพเรือ และกองทัพเรือไม่ได้จ้างคนกลางในการดำเนินการ และว่าช่วง 3 เดือนมานี้กองทัพได้กักเรือที่เข้ามาทอดสมอในน่านน้ำอินโดนีเซียโดยไม่ได้รับอนุญาตได้มากขึ้น เป็นเรือที่แล่นออกนอกเส้นทางหรือจอดกลางทางเป็นระยะเวลานานอย่างไม่มีเหตุผล การกักเรือทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
เจ้าของเรือและแหล่งข่าวความปลอดภัยการเดินเรือทางทะเลเผยว่า ช่วง 3 เดือนมานี้กองทัพเรืออินโดนีเซียได้กักเรือประมาณ 30 ลำ มีทั้งเรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกสินค้า ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยหลังจากจ่ายเงินลำละ 250,000-300,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.2-9.8 ล้านบาท) เงินจำนวนนี้น้อยกว่ารายได้ที่จะสูญเสีย หากเรือถูกกักไว้หลายเดือนระหว่างการพิจารณาคดีในอินโดนีเซีย ลูกเรือที่ถูกกักตัวอ้างว่า เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธใช้เรือรบบุกขึ้นเรือพวกเขา แล้วพาทั้งคนทั้งเรือไปยังฐานทัพเรือบนเกาะบาตัมหรือบินตันที่อยู่ทางใต้ของสิงคโปร์ กักไว้ในห้องแคบ ๆ จนกว่าเจ้าของเรือจะจ่ายเงินสดหรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนกลาง
แหล่งข่าวเผยว่า ช่องแคบสิงคโปร์ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีเรือลอยลำอยู่หลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อรอเข้าเทียบท่าที่สิงคโปร์ เพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าปกติ ที่ผ่านมาเรือส่วนใหญ่จะทอดสมอรอในน่านน้ำทางฝั่งตะวันออกของช่องแคบ เพราะคิดว่าเป็นน่านน้ำสากลที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ประเทศใด แต่กองทัพเรืออินโดนีเซียระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในน่านน้ำอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย