
สิงคโปร์ออกกฎหมายสุดขั้วรับมือแก๊งหลอกโอนเงิน
สิงคโปร์ 3 ก.ค. – สิงคโปร์ออกมาตรการใหม่ปกป้องพลเมืองจากการถูกหลอกโอนเงินให้มิจฉาชีพ สามารถสั่งอายัดบัญชีของเหยื่อได้ มุ่งเน้นแก้ปัญหาเหยื่อที่มักจะไม่รู้ตัวหรือไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังถูกหลอก และยังพร้อมที่โอนเงินให้มิจฉาชีพอย่างเต็มใจ กฎหมายใหม่ของสิงคโปร์ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด นั่นก็คือปัญหาที่มิจฉาชีพใช้สารพัดวิธีในการล่อลวงเหยื่อให้เชื่ออย่างสนิทใจ และโอนเงินให้โดยดีด้วยลูกไม้ต่าง ๆ ที่ตัวเหยื่อเองจะไม่ตะขิดตะขวงใจ แถมพอคนใกล้ตัวหรือเจ้าหน้าที่ออกมาเตือนภัย กลับไม่ยอมเชื่อเสียอีก ทางการสิงคโปร์จึงออกกฎหมายป้องกันการหลอกลวง ด้วยการเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ยื่นมือเข้าไปควบคุมบัญชีธนาคารของเหยื่อเสียเลย กฎหมายนี้ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งระงับการโอนเงินออกจากบัญชี ห้ามกดเอทีเอ็ม และห้ามกระทำการใด ๆ ที่เกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับมิจฉาชีพได้ เจ้าของบัญชีที่ตกเป็นเหยื่อสามารถกดหรือถอนเงินได้ในจำนวนที่เหมาะสมแก่การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเท่านั้น โดยต้องอยู่ภายใต้ดุลพินิจของตำรวจ เป็นการเปิดทางให้ตำรวจสามารถสั่งการธนาคารเจ้าของบัญชีให้ดำเนินการได้ หากสงสัยว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีนั้น ๆ น่าจะกำลังถูกหลอก โดยสามารถดำเนินการเพื่อควบคุมบัญชีนั้น ๆ ได้ครั้งละ 30 วัน แม้จะดูเป็นการป้องปรามในเชิงรุกที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุด แต่กฎหมายใหม่นี้ก็เผชิญกระแสวิจารณ์ว่า อาจจะเปิดช่องให้เกิดการใช้อำนาจในทางมิชอบได้ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ยืนยันว่า การเข้าคุมบัญชีประชาชนแบบนี้จะใช้เป็นวิธีสุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือเหยื่อให้รู้ตัวด้วยวิธีการอื่น ๆ จนสุดหนทางหรือพูดง่าย ๆ ว่าช่วยจนไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงได้อีกต่อไปแล้ว มาตรการสุดขั้วของสิงคโปร์เกิดขึ้นจากปัญหาการหลอกลวงที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถิติที่รวบรวมโดยสำนักงานตำรวจสิงคโปร์พบว่า คดีหลอกหลวงและอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้นจาก 17,000 กว่าคดีเมื่อปี 2563 ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี จนเพิ่มเป็นกว่า […]