นายกฯ สิงคโปร์ชี้อาเซียน-จีนควรเปิดพรมแดนให้กันได้แล้ว

นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงของสิงคโปร์แนะว่า ถึงเวลาที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและจีนจะเดินหน้าเปิดพรมแดนให้แก่กันได้แล้ว เนื่องจากประเทศในภูมิภาคนี้มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

นักศึกษาต่างชาติกลับออสเตรเลียหลังทราเวลบับเบิลกับสิงคโปร์

เมลเบิร์น 21 พ.ย.- นักศึกษาต่างชาติกลุ่มหนึ่งเดินทางจากสิงคโปร์กลับเข้าออสเตรเลียแล้ว หลังจากออสเตรเลียปิดประเทศมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากข้อตกลงทราเวลบับเบิลระหว่าง 2 ประเทศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครบโดสแล้วสามารถเดินทางจากสิงคโปร์เข้านครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย หรือนครซิดนีย์ เมืองเอกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้โดยไม่ต้องกักโรค เนื่องจากข้อตกลงจับคู่การท่องเที่ยวหรือทราเวลบับเบิลของ 2 ประเทศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ Universities Australia ที่เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย 39 แห่งในออสเตรเลียเผยว่า นักศึกษาต่างชาติเดินทางเข้าออสเตรเลียเป็นกลุ่มแรกในวันนี้ ก่อนหน้านี้มีเพียงนักศึกษาไม่กี่คนที่กลับเข้ามาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นสัญญาณที่ดีแม้ยังมีจำนวนไม่มาก เพราะยังมีนักศึกษาต่างชาติราว 130,000 คนที่ยังไม่ได้เดินทางกลับมาศึกษาต่อหลังจากออสเตรเลียปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ทั้งนี้ก่อนเกิดโรคโควิด-19 ออสเตรเลียมีนักศึกษาต่างชาติมากถึงร้อยละ 21 ของนักศึกษาทั้งหมด เทียบกับสมาชิกประเทศอื่น ๆ ในองค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจหรือโออีซีดี (OECD) ที่มีนักศึกษาต่างชาติเฉลี่ยเพียงร้อยละ 6 เท่านั้น ออสเตรเลียใช้มาตรการปิดประเทศและล็อกดาวน์อย่างรวดเร็วเมื่อพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ ประกอบกับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมไม่ถึง 199,000 คน และเสียชีวิตไม่ถึง 1,950 คน เฉลี่ยติดเชื้อ 760 คน และเสียชีวิต […]

สิงคโปร์ผ่อนคลายมาตรการเข้มคุมโควิด-19 ตั้งแต่วันจันทร์

รัฐบาลสิงคโปร์จะผ่อนคลายมาตรการบางประการที่ใช้คุมเข้มเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อทรงตัวในช่วงเดือนที่ผ่านมา

นักศึกษาสิงคโปร์คิดค้นถุงมือตรวจต้อหินชนะรางวัลระดับโลก

นักศึกษา 3 คนของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ที่เป็นผู้คิดค้นถุงมือตรวจต้อหินอัจฉริยะ คว้ารางวัลชนะเลิศ ‘เจมส์ ไดสัน อะวอร์ด’ ประจำปีนี้ไปครอง หลังเอาชนะผลงานประดิษฐ์ที่ส่งเข้าประกวดกว่า 2,000 ชิ้นจากทั่วโลก

อินโดนีเซียโต้ข่าวเรียกเงินเรือล่วงล้ำน่านน้ำ

จาการ์ตา 14 พ.ย.- กองทัพเรืออินโดนีเซียปฏิเสธข่าวเรียกเงินจากเจ้าของเรือ แลกกับการปล่อยเรือที่ทอดสมอในน่านน้ำอินโดนีเซียใกล้สิงคโปร์ โดยยืนยันว่าเป็นการกักเรือตามกระบวนการทางกฎหมาย ผู้บังคับการกองเรือภาคตะวันตกของอินโดนีเซียส่งหนังสือชี้แจงข้อถามของรอยเตอร์ว่า ข่าวเรื่องกองทัพเรืออินโดนีเซียรับเงินหรือเรียกรับเงินเพื่อให้ปล่อยเรือไม่เป็นความจริง ไม่มีการจ่ายเงินให้กองทัพเรือ และกองทัพเรือไม่ได้จ้างคนกลางในการดำเนินการ และว่าช่วง 3 เดือนมานี้กองทัพได้กักเรือที่เข้ามาทอดสมอในน่านน้ำอินโดนีเซียโดยไม่ได้รับอนุญาตได้มากขึ้น เป็นเรือที่แล่นออกนอกเส้นทางหรือจอดกลางทางเป็นระยะเวลานานอย่างไม่มีเหตุผล การกักเรือทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เจ้าของเรือและแหล่งข่าวความปลอดภัยการเดินเรือทางทะเลเผยว่า ช่วง 3 เดือนมานี้กองทัพเรืออินโดนีเซียได้กักเรือประมาณ 30 ลำ มีทั้งเรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกสินค้า ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยหลังจากจ่ายเงินลำละ 250,000-300,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.2-9.8 ล้านบาท) เงินจำนวนนี้น้อยกว่ารายได้ที่จะสูญเสีย หากเรือถูกกักไว้หลายเดือนระหว่างการพิจารณาคดีในอินโดนีเซีย ลูกเรือที่ถูกกักตัวอ้างว่า เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธใช้เรือรบบุกขึ้นเรือพวกเขา แล้วพาทั้งคนทั้งเรือไปยังฐานทัพเรือบนเกาะบาตัมหรือบินตันที่อยู่ทางใต้ของสิงคโปร์ กักไว้ในห้องแคบ ๆ จนกว่าเจ้าของเรือจะจ่ายเงินสดหรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนกลาง แหล่งข่าวเผยว่า ช่องแคบสิงคโปร์ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีเรือลอยลำอยู่หลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อรอเข้าเทียบท่าที่สิงคโปร์ เพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าปกติ ที่ผ่านมาเรือส่วนใหญ่จะทอดสมอรอในน่านน้ำทางฝั่งตะวันออกของช่องแคบ เพราะคิดว่าเป็นน่านน้ำสากลที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ประเทศใด แต่กองทัพเรืออินโดนีเซียระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในน่านน้ำอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย

เดนมาร์กประกาศกักโรคทุกคนที่เดินทางมาจากสิงคโปร์

สิงคโปร์ 11 พ.ย.- สถานทูตเดนมาร์กในสิงคโปร์แจ้งว่า เดนมาร์กจะกักโรคผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนที่มาจากสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์พบผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น สถานทูตเดนมาร์กในสิงคโปร์แจ้งในเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้สิงคโปร์ถือว่าเป็นประเทศเสี่ยงสูงสำหรับการเดินทางเข้ายุโรป ผู้เดินทางมาจากสิงคโปร์ทุกคน ยกเว้นชาวเดนมาร์กที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จะต้องรับการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางเข้าเดนมาร์ก และต้องกักโรคเองเป็นเวลา 10 วัน การกักโรคจะยุติลงในวันที่ 4 หากผลการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ (PCR) เป็นลบ ระเบียบนี้บังคับใช้กับผู้เดินทางทุกคน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ เนื่องจากเดนมาร์กไม่ยอมรับใบรับรองฉีดวัคซีนของสิงคโปร์ ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วสิงคโปร์บรรจุเดนมาร์กไว้ในรายชื่อประเทศต้นทางที่คนไม่ต้องกักโรคหากฉีดวัคซีนครบแล้ว สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ที่เดนมาร์กเป็นหนึ่งในสมาชิก 27 ประเทศ ได้ถอดสิงคโปร์ออกจากรายชื่อประเทศนอกอียูที่อียูควรยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางไปเมื่อไม่กี่วันก่อน อียูจะทบทวนรายชื่อดังกล่าวทุก 2 สัปดาห์ โดยไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายกับประเทศสมาชิก ส่วนเมื่อเดือนที่แล้วสหรัฐแนะนำพลเมืองให้เลี่ยงการเดินทางไปสิงคโปร์ ด้วยการยกระดับความเสี่ยงเป็นสูงสุด สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,481 คนเมื่อวันพุธ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรืออาการไม่มาก ยอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 227,600 คน เสียชีวิต 540 คน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 85 จากทั้งหมด 5 ล้าน 4 แสน […]

สิงโตในสวนสัตว์สิงคโปร์ติดโควิดจากคนเลี้ยง

สิงคโปร์ 10 พ.ย.- สิงโต 4 ตัวที่สวนสัตว์ในสิงคโปร์มีผลตรวจหาเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นบวก หลังจากใกล้ชิดกับคนเลี้ยงที่ติดเชื้อ สำนักงานดูแลสัตว์ของรัฐบาลสิงคโปร์แถลงว่า สิงโตอินเดียหรือสิงโตเอเชียทั้ง 4 ตัวในสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีอาการไอและจาม จึงถูกตรวจหาเชื้อ ขณะนี้ทางสวนสัตว์ได้แยกกักสิงโตทั้ง 4 ตัว และสิงโตอีก 5 ตัวไว้ในถ้ำแล้ว ด้านบริษัทที่ดูแลไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นสวนสัตว์เปิดที่ให้คนเข้าชมเฉพาะตอนเย็นถึงค่ำแจ้งว่า สิงโตทั้งหมดยังคงกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เชื่อว่าจะหายดีได้โดยรับการรักษาเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันมีการยืนยันว่า คนดูแลสัตว์ 3 คนที่สวนสัตว์แห่งนี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ด้านสวนสัตว์สิงคโปร์ที่อยู่ถัดจากไนท์ซาฟารีแจ้งว่า สิงโตแอฟริกา 1 ตัวมีอาการป่วย เจ้าหน้าที่ได้สั่งตรวจหาเชื้อแล้ว อย่างไรก็ดี สวนสัตว์ทั้ง 2 แห่งยังคงเปิดให้คนเข้าชม แต่ปิดเฉพาะส่วนแสดงสิงโตเป็นการชั่วคราว ที่ผ่านมามีกรณีสัตว์ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นครั้งคราว สวนสัตว์ในสหรัฐเคยพบสิงโต เสือและกอริลลาติดเชื้อ ขณะที่แมวและสุนัขเลี้ยงในบ้านก็มีติดเชื้อเช่นกัน ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสิงคโปร์ขณะนี้กำลังมีการระบาดรุนแรงที่สุด มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 2,000-3,000 คน และเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง โดยมียอดติดเชื้อสะสมกว่า 224,200 คน เสียชีวิต […]

สิงคโปร์จะไม่ออกค่ารักษาให้ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด

ประชาชนชาวสิงคโปร์ที่เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และติดเชื้อไวรัสนี้ จะต้องออกค่ารักษาพยาบาลเองตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่นายออง ยี คุง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่าเป็นสัญญาณสำคัญที่ส่งไปยังผู่ที่ยังไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน

สิงคโปร์ครองแชมป์เมืองอัจฉริยะของโลก-ไทยรั้งอันดับ 76

สิงคโปร์ 2 พ.ย.-รายงานผลการจัดอันดับของดัชนีเมืองอัจฉริยะ (Smart City Index) ระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สาม ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับที่ 76 ร่วงลงจากอันดับที่ 71 เมื่อปีก่อน การจัดอันดับดัชนีเมืองอัจฉริยะระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่สามติดต่อกัน ตามมาด้วยนครซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับสอง กรุงออสโลของนอร์เวย์ในอันดับสาม  ไทเปของไต้หวันในอันดับสี่ และนครโลซานน์ของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับห้า ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับ 76 ร่วงจากอันดับ 71 ในปีที่แล้ว ส่วนนครรีโอเดจาเนโรของบราซิลรั้งอันดับ 118 ซึ่งเป็นอันดับท้ายสุดและร่วงจากอันดับ 102 เมื่อปีก่อน ดร. บรูโน แลนวิน ประธานสำนักสังเกตุการณ์เรื่องเมืองอัจฉริยะของสถาบันการพัฒนาการจัดการ หรือไอเอ็มดี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์ของสิงคโปร์ว่า สิงคโปร์ประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่จากนโยบายในระดับเมืองและประเทศ โดยเฉพาะในด้านการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษา และการใช้ยุทธศาสตร์เมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ดร. แลนวิน ยังตั้งข้อสังเกตว่า สิงคโปร์สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ระบาดของโรคซาร์สมาได้ และมีความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก ไอเอ็มดีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ได้ร่วมกันประกาศผลการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะจากทั้งหมด 118 […]

สิงคโปร์อาจมีคนตายเพราะโควิดมากถึงปีละ 2,000 คน

รัฐมนตรีสิงคโปร์เตือนว่า เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สิงคโปร์อาจมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มากถึงปีละ 2,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย ทางการจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผู้เสียชีวิตมากเกินควร

สิงคโปร์จะบริจาคเวชภัณฑ์ให้อาเซียนรับมือภาวะฉุกเฉินสาธารณสุข

สิงคโปร์ 26 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ในวันนี้ว่า สิงคโปร์จะบริจาคเวชภัณฑ์มูลค่า 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (261 ล้านบาท) ให้กองทุนสำรองระดับภูมิภาค เป็นการสนับสนุนความร่วมมือของอาเซียนเพื่อเตรียมรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคต นายกรัฐมนตรีลีกล่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 38 และ 39 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26-28 ตุลาคมและมีสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ของบรูไนเป็นประธานว่า อาเซียนจำเป็นต้องแก้ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด สิงคโปร์ได้บริจาควัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก และกำลังขยายบริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนด้วยการตั้งโรงงานผลิตวัคซีนใหม่ 3 แห่ง เพื่อช่วยกระจายวัคซีนโควิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วและเท่าเทียม นายกรัฐมนตรีลียังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งเมื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด โดยยกตัวอย่างโครงการเดินทางระหว่างประเทศของสิงคโปร์ที่อนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ ทั้งยังเห็นด้วยกับการนำกรอบแผนงานโครงการระเบียงท่องเที่ยวของอาเซียนที่เริ่มไว้เมื่อปีก่อนมาปรับใช้ รวมถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาด้านดิจิทัลเพื่อให้สามารถเปิดการเดินทางระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย เช่น การพัฒนาใบรับรองด้านสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่อแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดและการฉีดวัคซีนโควิดให้เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีลียังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเร่งกระบวนการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (RCEP) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกและมีความเกี่ยวข้องกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้. -สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นแต่งตั้งชาวสิงคโปร์เป็นทูตพิเศษเมียนมาคนใหม่

นิวยอร์ก 26 ต.ค. – นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศแต่งตั้งนางโนลีน เฮย์เซอร์ นักสังคมวิทยาชาวสิงคโปร์ เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของยูเอ็น นางเฮย์เซอร์ วัย 73 ปี ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของยูเอ็น และจะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เธอหวังว่าจะได้รับฟังความปรารถนาและมุมมองของทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาทางการเมืองในเมียนมาโดยสันติเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของชาวเมียนมาทุกคน ทั้งนี้ นางเฮย์เซอร์จะเข้ารับตำแหน่งทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาต่อจากนางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ นักการทูตชาวสวิส วัย 58 ปี ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ นางเฮย์เซอร์เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงของยูเอ็นมาแล้วหลายตำแหน่ง เช่น เลขาธิการคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและสังคมประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอสแคป ในปี 2550-2557 และที่ปรึกษาพิเศษประจำติมอร์-เลสเตในปี 2556-2558 นอกจากนี้ เธอยังเคยทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน และทางการเมียนมาในด้านการพัฒนาและการลดปัญหาความยากจน. -สำนักข่าวไทย

1 17 18 19 20 21 68
...