สิงคโปร์ 22 พ.ย.- นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงของสิงคโปร์แนะว่า ถึงเวลาที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและจีนจะเดินหน้าเปิดพรมแดนให้แก่กันได้แล้ว เนื่องจากประเทศในภูมิภาคนี้มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
นายกรัฐมนตรีลีกล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ฉลองครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ซึ่งจัดขึ้นแบบออนไลน์เป็นเวลา 1 วันในวันนี้ว่า ประเทศในภูมิภาคนี้มีความคืบหน้าเรื่องการฉีดวัคซีน เพราะได้พัฒนาวิธีดิจิทัลที่สามารถทำงานร่วมกันและเชื่อถือได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การร่วมยอมรับใบรับรองการฉีดวัคซีน จึงถึงเวลาที่จะเดินหน้าเปิดพรมแดนให้แก่กันอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีลีใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีที่อาเซียนยกระดับความสัมพันธ์กับจีนขึ้นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (comprehensive strategic partnership) เพราะจะเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายกระชับความสัมพันธ์หลากหลายด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรหาทางส่งเสริมข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน และข้อตกลงการขนส่งทางอากาศอาเซียน-จีนเพื่อสนับสนุนการเดินทางของพลเรือนและการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า อาเซียนและจีนควรเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนให้แข็งแกร่งต่อไปแม้เกิดโรคโควิด-19 เพราะอาเซียนได้กลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนไปแล้วเมื่อปีก่อน การค้าระหว่างกันมีมูลค่าเกิน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.4 ล้านล้านบาท) ต่อปีแล้วในขณะนี้ เขาย้ำด้วยว่า อาเซียนและจีนควรทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค รวมถึงการจัดการความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์จีนกับสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนและประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐรับปากระหว่างประชุมสุดยอดแบบออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ว่า ยินดีที่จะร่วมกันกระชับความสัมพันธ์และป้องกันความขัดแย้งจึงเป็นเรื่องน่ายินดี.-สำนักข่าวไทย