รัฐสภา 5 มิ.ย.- “สว.สำรอง” ให้กำลังใจประธาน กกต. หลังมีข่าวลาออก เหตุถูกบุคคลที่มองไม่เห็นกดดัน โดยขอให้ กกต.ทำงานอย่างสุจริต ตรงไปตรงมา พร้อมให้ทบทวนเรื่องการดำเนินคดีทางวินัย และพักงาน “แสวง” โดยให้เวลา กกต. 7 วัน ขณะที่เจ้าตัวควรลาออกหรือเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่
กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อเรียกร้องความสุจริตและโปร่งใสในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ประเด็นแรก มีข่าวว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. จะลาออกก่อนกำหนด จึงมีข้อห่วงใยว่าอาจถูกกดดันด้วยมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ หรือเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของท่านกับใครบางคนที่ทำให้ท่านอึดอัด อยากให้ท่านเข้มแข็งดูแลการตรวจสอบการเลือกสว.ที่ไม่สุจริตและ เที่ยงธรรมให้เรียบร้อยสะเด็ดน้ำ โดยไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใดๆ ขอให้คำนึงถึงประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก เหลืออีกนิดเดียว อยากขอเป็นกำลังใจให้ประธาน กกต. รวมทั้ง กกต. ทุกคนได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเต็มความสามารถจนครบวาระ อีกทั้งขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคล รวมทั้งมือที่มองไม่เห็น โดยที่ตอนนี้คนทั่วบ้านทั่วเมืองคงพอมองเห็นแล้วว่าเป็นใครบ้าง ขอได้โปรดยุติการดำเนินการที่เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบและสิ่งต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมือง ขอให้ปลดปล่อย อย่าพันธนาการประเทศชาติต่อไปอีก
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า กรณีที่ สว. จำนวน 22 คน ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2568 ขอให้ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หยุดปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวนการเลือก สว. และขอให้คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางของ กกต. คณะที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่าคณะสว.ดังกล่าว ได้กระทำการละเมิดต่อประมวลจริยธรรม หลายกรรมหลายวาระต่อเนื่องกันในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง หรือผู้อื่น คุกคามข่มขู่การดำเนินการของฝ่ายข้าราชการประจำ และถือเป็นการใช้อำนาจ สถานะหน้าที่ของตน ก้าวก่ายข้าราชการประจำอันเป็นความผิด ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) อย่างชัดแจ้ง โดยที่สมาชิกวุฒิสภากลุ่มดังกล่าวนี้ มีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตในการได้มาเป็นสมาชิกวุฒิสภา และอยู่ระหว่างถูก ตรวจสอบ ซึ่งในประเทศไทยทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน และต้องเสมอกัน ไม่ควรมีใครผู้หนึ่ง ผู้ใดที่จะมีอภิสิทธิได้รับการยกเว้นในการถูกตรวจสอบ
โดยปัจจุบันเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ต้องมีความโปร่งใส โดยหน่วยงานหรือองค์กรอิสระทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการบนหลักธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรม ไม่เอนเอียงหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใดๆ จึงขอเรียกร้องให้มีการดำเนินการบนหลักนิติธรรม ปราศจากการแทรกแซงหรือคุกคามจากอิทธิพลใดๆ
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ 3 ขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยของกกต.ที่ 5/2568 ลงวันที่ 6 ม.ค.2568 กรณี ยกคำร้องไม่เอาผิด นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ที่ถูกกล่าวหาว่าละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ป้องกัน การนำโพยจัดตั้งเข้ามาในที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และยืนยันขอให้มี การดำเนินการตั้งคณะกรรมการทางคดีวินัยแก่ นายแสวง ตามที่ พ.ต.อ. มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวหา รวมทั้งพักงานนายแสวง ระหว่างนี้ และเรียกร้องขอให้ นายแสวง ได้พิจารณาตัวเอง ด้วยการลาออก หรือเว้นวรรคในการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ กกต. จนกว่าการพิจารณาเรื่องตรวจสอบการเลือก สว. ปี 2567 จะแล้วเสร็จ
และประเด็นสุดท้ายขอให้กำลังใจคณะกรรมการชุดสืบสวนไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็ม ความสามารถ ไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล การข่มขู่ หรือคำติฉินนินทา หรือข้อร้องเรียนใดๆ เนื่องจากการปฏิบัติ หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ ถือได้ว่ามีความตั้งใจ และมีประสิทธิภาพ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สามารถ รวบรวมพยานหลักฐานได้ จนมีหนังสือแจ้งผู้เกี่ยวข้องมารับทราบและแก้ข้อกล่าวหาได้จำนวนหลายราย จึงขอให้แน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่บนความไว้วางใจ ความเชื่อถือ เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนชาวไทยต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอ้างว่าเป็นบุคคลที่แจ้งให้นายแสวง ทราบถึงเบาะแสการฮั้วเลือก สว.ในวันเลือกสว.ระดับประเทศ แต่นายแสวง กลับไม่มีการดำเนินการและไม่มีการรายงานให้กกต.ทราบ โดยกล่าวว่าการที่ กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 และทำการสืบสวนจนได้พบพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามเบาะแสที่ตนได้เคยแจ้งต่อนายแสวง จึงเห็นว่าถือเป็นความปรากฏต่อ กกต.แล้วว่า การที่นายแสวง ไม่แจ้งเบาะแสการฮั้วเลือก สว.ในวันเลือกระดับประเทศให้กกต.ทราบ ถือเป็นกรณีความปรากฏว่านายแสวง กระทำผิดทางวินัย จึงจะยื่นหนังสือดำเนินการทางวินัยกับนายแสวง และมีคำสั่งให้นายแสวง หยุดปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน โดยขอให้ดำเนินการภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการตนจะนำข้อมูลนี้ให้กับผู้ที่มาขอเพื่อไปดำเนินการเอาผิด กกต.ตามมาตรา 157 ของกฎหมายอาญา
ด้านนายอัครวัฒน์ พงษ์ธนาชลิตกุล 1 ในกลุ่ม สว.สำรอง ยังตั้งขอสังเกตว่าเหตุใดนายแสวง ถึงหายไปในช่วงนี้ ว่า นายแสวง กำลังทำอะไรอยู่เงียบหายไปจากวงจรแต่พวกเราทราบ แอบส่งหนังสือสกัดเรื่องนั้นเรื่องนี้จริงหรือไม่ รวมทั้งคนใกล้ตัวยังส่งหนังสือมาประชาสัมพันธ์แบบหลับหูหลับตาแถลงการณ์ไปทั่ว ความผิดต้องเป็นกระบวนการ บ้านเมืองกำลังต้องการความสุจริตโปร่งใส เที่ยงธรรม ปราศจากการทุจริตคดโกง แต่นายแสวง ต้องยุติอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ ตามหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 ที่เขากำลังทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะถูกข้อครหาจากคนไทยทั้งประเทศ ว่ามีมลทิน อยากบอกว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ขณะนี้ไม่ถูก สายสัมพันธ์ต่างๆที่เป็นมาในอดีต ท่านจะสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่แถวจ.บุรีรัมย์มาอย่างไรไม่ทราบ ไปรับปากรับคำใครมาไม่ทราบ แต่มันกำลังเกิดปัญหาขึ้น นายแสวง ต้องเอาไปนอนคิดให้ดี นั่นคือกตัญญูวิบัติ ซื่อสัตย์วิบัติ ความกตัญญูที่ไปเอื้อต่อประโยชน์ แก่ขบวนการใดกระบวนการหนึ่งเพียงไม่กี่คน แต่มันทำความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองนับ 60 ล้านคน ความกตัญญู และความซื่อสัตย์ของท่าน ไปปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาหรือไม่อย่างไร ท่านรู้อยู่แก่ใจขอให้ยุติกลับเนื้อกับตัวเป็นคนดี อย่าใช้ความกตัญญูซื่อสัตย์วิบัติโดยไม่ถูกต้อง ถ้านายแสวง เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมืองเห็นแก่ประชาชน ขอให้ยุติการทำหน้าที่เลขาธิการ กกต.ที่จะมายุ่งกับการสอบฮั้วเลือก สว. ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมา มันก็จะจบแล้ว .-สำนักข่าวไทย