“เสธ.เบิร์ด” เปิดหน้า 6 ผบ.หน่วยกัมพูชา สั่งวางทุ่นระเบิด

กทม. 11 ก.ย.- “เสธ.เบิร์ด” เปิดหน้า 6 ผบ.หน่วยกัมพูชา คุมพื้นที่ สั่งวางทุ่นระเบิดสังหารทำร้ายทหารไทย พร้อมย้ำมุมมอง-ท่าทีกองทัพไทยต่อเขมร ยันลอบกัด ประท้วงไม่เคยเป็นผล พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เสธ.ทหารย้ำ กองทัพภาค 2 รับลูกทันที พร้อมโพสต์คำกล่าวของ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร ระหว่างลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนโดยเฉพาะจุดที่ทหารไทยเหยียบระเบิดทั้ง 6 จุด ว่า “ในเมื่อเขมรลอบกัด หนังสือประท้วงไม่มีผล ตอบโต้ทันทีได้สัดส่วน เรารู้พิกัดทางทหรของกำลังที่เผชิญหน้าอยู่แล้ว” พร้อมกันนั้น ยังได้เปิดภาพและชื่อของทหารกัมพูชาวางระเบิดสังหารบุคคล โดยเนื้อหาระบุถคง ผบ.หน่วยพื้นที่กำลังเผชิญหน้าของเขมร ทั้ง6จุดที่ทหารไทยเหยียบระเบิดมีดังนี้ -ครั้งที่ 1 บริเวณเนิน 481 ซึ่งเป็นพื้นที่ช่องบก อ.น้ ายืนฯ (เมื่อ 16 ก.ค.68) ทกพ.ที่วางกำลังเผชิญหน้า คือ พัน.สสน.392 สน. โดยมี พ.ต. ชุน […]

กองทัพไทย ทดสอบผลงานวิจัยต้นแบบอากาศยานไร้คนขับ

ลพบุรี 9 ก.ย.-ฝีมือคนไทย! กองทัพไทย ทดสอบผลงานวิจัยต้นแบบอากาศยานไร้คนขับและยุทธปัจจัยสนับสนุน พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร เป็นประธาน ในการเดินหน้าพัฒนาขีดความสามารถด้านยุทธโธปกรณ์สมัยใหม่ โดยล่าสุดได้ทำการทดสอบ ผลงานวิจัยต้นแบบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ได้ทดสอบ ผลงานวิจัยต้นแบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) ณ พื้นที่ฝึกทางทหาร เขาพุโลน จ.ลพบุรี กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดยมีความร่วมมือระหว่าง สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ(สวพ.ทร.) ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ (ศวอ.ทอ.) และหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) ร่วมกับ บริษัทเอกชน และมหาวิทยาลัยชั้นนำ การทดสอบดังกล่าวมุ่งเน้นที่ อากาศยานไร้คนขับทางยุทธวิธี ซึ่งครอบคลุมภารกิจสำคัญ ได้แก่การทดสอบโดรนโจมตี (Kamikaze Drone) การทดสอบโดรนทิ้งระเบิด (Bomb Dropping UAV) นอกจากนี้ยังได้มีการทดสอบ บังเกอร์คอนกรีต เพื่อรองรับภารกิจสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ เพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันเชิงยุทธศาสตร์ การทดสอบครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประเมินขีดความสามารถของ UAV ทางยุทธวิธี สร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ระหว่างกองทัพไทย ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

ทดสอบโดรนโจมตีฝีมือคนไทย พัฒนาสู่การผลิตใช้งานจริง

25 ส.ค.- กองทัพไทย ทดสอบโดรนโจมตีฝีมือคนไทยพัฒนาสู่การผลิตใช้งานจริง ทั้งโดรนทิ้งระเบิด-โดรนพุ่งชนแบบ Kamikaze ผลอยู่ในเกณฑ์ดีมาก พ.อ.หญิง ฉัตรรพี พูนศรี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า กองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดการทดสอบผลงาน และขีดความสามารถของระบบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เชิงรุก ณ สนามยิงปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ เขาพุโลน จ.ลพบุรี โดยโดรนที่นำมาทดสอบเป็นผลงานวิจัย และพัฒนาโดยกำลังพลของกองทัพไทย จาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ โรงเรียนนายเรืออากาศ, สำนักวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ และกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งร่วมกับบริษัท เดอะกน จำกัด และทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้มีเป้าหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรของกองทัพที่มีความรู้ความสามารถได้วิจัย และพัฒนาระบบโดรนด้วยตนเอง พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือกับภาคการศึกษาและภาคเอกชน เพื่อมุ่งสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน การทดสอบ มีการนำเสนอโดรนโจมตี 2 รูปแบบ ได้แก่ โดรนทิ้งระเบิด และโดรนพุ่งชนแบบ Kamikaze ซึ่งผลการทดสอบอยู่ในเกณฑ์ดีมาก สามารถปฏิบัติได้ตามแผน โดยเฉพาะโดรนที่พัฒนาโดยบริษัท เดอะกน จำกัด สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ผลงานจากโรงเรียนนายเรืออากาศก็สามารถจำลองการโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ […]

ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัดสถานการณ์ยังปกติ

ทำเนียบ 23 ส.ค.- ไทยพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลง RBC เพื่อสันติภาพของภูมิภาค ขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด ยังปกติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) สรุปสถานการณ์ชายแดน 11 จุด ใน 7 จังหวัด จากฝ่ายความมั่นคง ยังคงปกติ กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือทุกความเคลื่อนไหว และพร้อมตอบโต้ หากมีการละเมิดอธิปไตยไทย สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ วานนี้ (วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568) ณ มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว ทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามบันทึกความตกลงเพิ่มเติมจากเดิม 13 จากประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่มาเลเซีย เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา อีก 3 ข้อ […]

กองทัพไทยแจงข้อเท็จจริงปมทุ่นระเบิดชายแดนไทย–กัมพูชา

17 ส.ค.- กองทัพไทย ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีทุ่นระเบิดชายแดนไทย–กัมพูชา หลังสื่อออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนในสื่อออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม ดังนี้ จากเหตุการณ์ที่กำลังพลไทย 5 นาย ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน ผลการตรวจพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 “ใหม่ทั้งหมด” ที่ถูกวางแบบพร้อมใช้งาน โดยมีการถอดอุปกรณ์ Safety และกลบพรางอย่างแนบเนียน สภาพทุ่นมีความใหม่ ตัวอักษรคมชัด และเมื่อรื้อถอนพบว่าสปริง เข็มแทงชนวน และชิ้นส่วนภายในอยู่ในสภาพใหม่สมบูรณ์ ไม่ใช่ทุ่นเก่าตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง นอกจากนี้ บริเวณภูมะเขือยังตรวจพบทุ่นระเบิดอยู่ในสองลักษณะ โดยลักษณะแรกคือทุ่น PMN-2 ที่ยังไม่ได้ใช้งาน หางปลา (safety pin) ยังคงติดอยู่ครบถ้วน สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชามีทุ่นชนิดนี้ไว้ครอบครองเพื่อเตรียมใช้งาน ซึ่งถือว่าละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโดยตรง และมีหลักฐานเชื่อมโยงว่าทุ่นเหล่านี้ถูกนำไปใช้งานจริงในหลายพื้นที่ รวมถึงกรณีที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกลักษณะหนึ่งเป็นทุ่นที่รื้อถอนขึ้นจากพื้นดินในสภาพที่ถูกวางใช้งานแล้ว อยู่ในสภาพพร้อมทำงาน บางลูกมีร่องรอยของเข็มแทงชนวนที่เริ่มทำงานแต่ยังไม่สมบูรณ์ การรื้อถอนดำเนินการโดยทหารราบเพื่อรวบรวมไว้ และต่อมาส่งให้เจ้าหน้าที่ TMAC […]

วอนทั่วโลกจับตากัมพูชา หลังวางทุ่นระเบิดไม่หยุด

ทำเนียบ 14 ส.ค.- ไทยวอนทั่วโลกจับตากัมพูชา หลังวางทุ่นระเบิดใส่ทหารไทยไม่หยุด ขณะที่ กต. เตรียมนำคณะทูตลงพื้นที่อุบลราชธานีและศรีสะเกษ เสาร์นี้ ด้านกองทัพพร้อมนำคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหารลงพื้นที่ 18 ส.ค. ชี้กัมพูชาต้องหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชนและอธิปไตยไทยทันที นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย ขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก เพื่อให้ กัมพูชาให้ยุติพฤติกรรม ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา จริยธรรมและหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมนำคณะทูตโดยเฉพาะผู้แทนจากสถานทูตประเทศที่เป็นภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 โดยคณะจะเดินทาง ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี และเดินทางต่อไปยังผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ภูมะเขือ ก่อนเดินทางไปตรวจพื้นที่ความเสียหายพลเรือน ที่บ้านหนองเม็ก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้แทน นอกจากนี้ ในส่วนของกองทัพไทย ได้วางกำหนดการในการนำคณะผู้สังเกตการณ์ทางทหารชั่วคราว […]

7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดคืน “ไม่มีการปะทะ”

ทำเนียบ 13 ส.ค.- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึงเช้าวันนี้ “ไม่มีการปะทะ” วันนี้ (13 สิงหาคม 2568) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 จนถึงเช้าวันนี้ (วันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา07.00 น.) เหตุการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา 7 จังหวัด ไม่มีการปะทะ      โดยกองทัพไทย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นอย่างแข็งขันใน 11 พื้นที่ใน 7 จังหวัด และพร้อมตอบโต้หากถูกรุกล้ำอธิปไตยทันที โดยฝ่ายไทย ยังยึดมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา […]

ย้ำไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร

ทำเนียบรัฐบาล 11 ส.ค.- ย้ำไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 ยันปฏิบัติการแบบสากล ทหารไทยโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ปฏิเสธกรณีรัฐบาลกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชา ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายในจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา แล้ว อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเกิดจากการโจมตีของฝ่ายไทย ยืนยัน ไทยไม่มีระเบิด MK-84 และไม่โจมตีใส่เป้าหมายพลเรือน ปฏิบัติการเฉพาะเป้าหมายทางทหารนั้น นายจิรายุ เปิดเผยว่า กองทัพไทย ยืนยันพื้นที่ที่กัมพูชานำเสนอเป็นบริเวณเป้าหมายทางทหาร มีกองกำลังทหารกัมพูชาปฏิบัติการอยู่ และพื้นที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชาเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งไทยโจมตีเฉพาะในพื้นที่ปฏิบัติการเท่านั้น ต่างจากกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยนอกเขตพื้นที่การรบ หลายจุดมีระยะห่างจากแนวรบไกลถึง 30 กิโลเมตร ในส่วนของระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาอ้างว่าพบนั้น กองทัพอากาศไทยได้เคยออกมายืนยันแล้วว่าเป็น “ข่าวปลอม” โดยไทยไม่เคยจัดซื้อระเบิดจากแหล่งที่ถูกกล่าวอ้าง และการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทุกชนิดของไทยดำเนินการผ่านพันธมิตรด้านความมั่นคงที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งควรจะให้ องค์กรที่เป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การปฏิบัติการทางอากาศของไทยเป็นการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ และอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร และจำกัดวงการทำลายให้อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการเท่านั้น ต่างจากกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยนอกเขตพื้นที่การรบ “รัฐบาลไทยยืนยันชัดว่าไทยยึดมั่นในหลักสากล ไม่ใช้กำลังกับเป้าหมายพลเรือน และจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่” นายจิรายุกล่าว -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยตำหนิกองทัพกัมพูชาทอดทิ้งทหารให้รบลำพัง

30 ก.ค.- กองทัพไทย ผิดหวังรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแนวหน้า ตำหนิกองทัพกัมพูชาทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพัง พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยชี้แจงและแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้ การที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เพียงการเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของกลไกสันติภาพในเวทีโลก ทั้งนี้ กองทัพไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกลไกผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง และยืนยันข้อเท็จจริงบนหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อพิสูจน์ให้ประชาคมโลกเห็นว่า กองทัพไทยปฏิบัติตามคำมั่นอย่างเคร่งครัด “ไม่ใช่แค่ออกมาพูดว่า “มุ่งมั่นและแน่วแน่” แต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ พฤติกรรมดังกล่าว มิใช่แค่ละเมิดคำสั่ง แต่ยังสะท้อน “สัญญาณอันตราย” ว่ากองทัพกัมพูชาขาดความสามารถในการจัดการกำลังพลในยามวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวอ้างถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่” เพื่อสันติภาพในทุกบรรทัดของแถลงการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้หวังผลทางยุทธวิธี แต่เป็นการ “เรียกร้อง” จากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่มีเสบียง ไม่มีการหมุนเวียนกำลัง และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ สะท้อนว่ากองทัพกัมพูชาคือระบบอำนาจนิยมที่สร้างจากความหวาดกลัวและไร้มนุษยธรรม กองทัพไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา “หันกลับไปดูแลทหารของตัวเอง” ก่อนที่จะกล่าวหาใคร ๆ ว่าบิดเบือนความจริง พฤติกรรมการแสดงออกที่เกิดขึ้น แสดงว่าพวกเขาเหนื่อยล้า […]

“พล.อ.เกรียงไกร” มั่นใจกองทัพไทยตรึงพื้นที่สำคัญได้

รัฐสภา 29 ก.ค.- “พล.อ.เกรียงไกร” ยืดอก มั่นใจ “กองทัพไทย” ตรึงพื้นที่สำคัญได้ ชี้ภูมะเขือ – ปราสาทตาควาย จุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ทหาร ต้องชิงความได้เปรียบ บอกสู้รบย่อมมีสูญเสีย แต่ต้องไม่เสียเปล่า มองเจรจาไทย – กัมพูชามีสัญญาณบวก หวังสถานการณ์ดีขึ้น พร้อมจี้รัฐทบทวน MOU 43 – 44 พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจสมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งมาบริจาคเลือด เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประสบเหตุในสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา พร้อมกล่าวว่า ได้มีการประสานงานจากสถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ทหารบก เพื่อเข้ามารับบริจาคเลือด แม้ขณะนี้สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยรับบริจาคโดยตรง จะมีการเปิดรับบริจาคเลือดอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ ที่ยังมีปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ชายแดนที่ยังมีต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากติดตามสถานการณ์ จากการพูดคุยเจรจาซึ่งตกลงว่า จะมีการหยุดยิงในช่วงเที่ยงคืน แต่ปัจจุบันก็ทราบกันดีว่า ยังไม่มีการหยุดยิง จึงตระหนักถึงพื้นที่เกิดเหตุ และมองว่าน่าจะช่วยเหลือประชาชน เจ้าหน้าที่แนวหน้าได้ นอกจากการรับบริจาคเลือด ก็ยังมีการประชุม ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย […]

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

1 2 3 8
...