“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน

นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น No Man’s Land เมื่อมีการเข้ามาในจุดนี้ ซึ่งฝั่งกัมพูชาคิดว่าเป็นจุดของเขา ดังนั้นจึงเป็นการละเมิดข้อตกลงของ JBC ข้อ 5 ซึ่งไทยก็มีข้อมูลหลายอย่าง อย่างไรก็ตามถือว่าไทยได้เริ่มต้นจากจุดสันติวิธี และเชื่อว่า JBC จะมีคำตอบได้ หากกัมพูชาไม่ยอมรับในประเด็นปัญหานี้ ดังนั้นต้องรอข้อสรุปทั้งหมดจากการประชุมเจบีซีในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่กรุงพนมเปญ ถือเป็นกลไกระหว่างประเทศที่ไทยทำกับชายแดนทุกภาคส่วน ที่จะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ แต่ปัญหานี้ เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น หากย้อนไปเมื่อปี ระหว่างปี 53-54 ก็ได้ใช้เวทีนี้ทำให้ยุติ สงครามและสู้รบ ซึ่งก็ใช้กลไกนี้ ทุกฝ่ายยอมรับว่าต้องดำเนินการเช่นนี้ วันนี้ไทยต้องการให้กัมพูชายืนตามกลไกของ JBC ย้ำว่าจุดที่กัมพูชามาตั้ง คือ No Man’s Land ที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเป็นจุดของใคร ดังนั้นอยากให้กลับมาอยู่จุดเดิม โดยแม่ทัพภาคที่ 2 บอกกับตนชัดเจนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ได้ถอยมาในจุดเดิม แต่กัมพูชาไม่ยอมถอย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่ไม่ใช่เรื่องบุกแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการถูกเถียงกันยังไม่จบ


นายภูมิธรรม ยืนยันอีกว่าสิ่งที่ทำไม่ได้ยอมใคร แต่ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ และความเป็นห่วงนำไปสู่การใช้กลไกระหว่างประเทศที่มีอยู่ในการแก้ปัญหา ดังนั้น ส่วนตัวไม่ว่าใครหากจะเอาชนะตนเองทางการเมือง หวังทำลายเครดิตตนเอง แต่เรื่องของประเทศชาติไม่ควรเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาใช้เอาประโยชน์ทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ตนเองพูดยืนยันได้ทั้งหมด

นายภูมิธรรม ระบุว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีการประชุมชุดเล็ก หารือติดตามประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาไปแล้วเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ซึ่งจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขออย่ากังวล เรื่องนี้พลาดไม่ได้ โดยวันนี้ (5 มิ.ย.) ไม่ได้เข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่ายแต่ได้มีการรายงานสถานการณ์จากการลงพื้นที่ผ่านทางไลน์ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึง การประชุม IISS Shangri-La Dialogue เวทีหารือด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีรายงานว่ากัมพูชาอาศัยเวทีนี้ ฟ้องเรื่องทหารไทยทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากเหตุปะทะที่ช่องบก ว่า ไม่ใช่การฟ้อง ข้อเท็จจริงคือ ในช่วงที่ตนกับฟิลิปปินส์และเอสโตเนีย 3 ประเทศ ขึ้นไปพูดเรื่องการสร้างเครือข่ายข้ามภูมิภาค ซึ่งระหว่างเปิดให้ซักถามมีทหารกัมพูชา ที่ไม่ใช่ระดับตัวแทนใหญ่ได้สอบถามฟิลิปปินส์ว่าในกรณีที่เกิดเหตุ ปะทะของไทยกัมพูชา ควรจะทำอย่างไร ซึ่งทางฟิลิปปินส์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของกัมพูชาขึ้นไปพูดบนเวที ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นสาระที่เราต้องทำอะไร แต่ถ้าเป็นตัวแทนเราต้องประท้วง


ส่วนการระบุว่ากัมพูชาผิดข้อตกลง JBC ข้อที่ 5 ควรจะมีบทลงโทษหรือบทตอบโต้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่าตั้งแต่มีการเผาศาลาตรีมุข เราก็สั่งกองทัพบกให้มีการเตรียมพร้อม ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ซึ่งกองทัพบกก็เตรียมการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตนจึงบอกว่ามั่นใจได้ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกองทัพมีความพร้อม ซึ่งการละเมิดข้อตกลงถึงต้องมีการประชุมเจบีซี เพราะหยุดไปนานพอสมควรแล้ว โดยครั้งสุดท้ายไทยเป็นเจ้าภาพ ดังนั้นไทยจึงเสนอให้กัมพูชาจัดประชุม ซึ่งถ้าไม่พร้อม ไทยก็จะจัดเอง ซึ่งจริงๆ ตนเสนอว่าอยากให้จัดประชุมภายในวันที่ 6 มิถุนายน จะได้รีบจบ แต่รัฐมนตรีเขตแดนของกัมพูชา ติดภารกิจอยู่ที่แคนาดา แต่เขาก็บอกว่าจะรีบให้เร็วที่สุด สุดท้ายจึงสรุปว่าเป็นวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ซึ่งมีการประชุมคณะของฝ่ายไทยตั้งแต่ตนอยู่สิงคโปร์ โดยมีทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพไทย กองทัพบกและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว

สำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ทำอะไรไปบ้าง นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรามีเอกสารหลักฐานที่กองกำลังสุรนารี ยื่นประท้วงทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งการเจรจาในเจบีซีทุกอย่างที่เราประท้วง เราพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ยอมรับในการเจรจา แม้กระทั่งวันที่ส่งผู้บัญชาการทหารบก ไปคุยกับผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เขาก็ยืนยันว่าตรงนั้นเป็นของเขาไปแล้ว แต่เราก็ยืนยัน ตรงนี้เป็นเขตที่ให้เอ็มโอยู 43 เข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งกระบวนการสันติทำมาตลอด แต่หลายอย่างเราไม่อยากพูด ไม่จำเป็นต้องพูดกลางอากาศ แต่เป็นเวทีที่เราต้องเตรียมพร้อมที่สุด จึงไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเตรียมอะไร ซึ่งถ้าในเจบีซีคุยได้ข้อยุติ ก็ดีก็จบ ถ้าไม่มีข้อสรุปก็ต้องให้ตัวแทนกรรมการเจบีซี ไปพื้นที่จริงแล้วไปดูเท่านั้นเอง แล้วเราต้องคิดต่อไปว่าจะดำเนินการโดยมาตรการอะไร

ส่วนก่อนถึงวันที่ 14 มิถุนายน ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดทุกอย่างก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่เราห้ามใจแต่ละฝ่ายไม่ได้ ถ้าอะไรเกิดขึ้นมาเราก็จะประท้วง

“การประชุมJBC ไม่ใช่ว่าเราจะไปยอมศิโรราบเขา หรือฟังคำสั่งเขา เดี๋ยวจะบานปลายอีก เพราะในความเป็นจริง แม้จะรอการประชุมเจบีซีแต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเขาก็มีการพบกันอยู่แล้ว อย่างแนวเส้นสัตบรรณ เป็นจุดกลางใน no man land ซึ่งทุกคนก็มาเจอกัน นั่งกินข้าวตรงนั้น พอเป็นจุดสามประเทศ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่สมเด็จฮุนเซน เอาภาพมาแสดง เพราะนั่นคือศาลาตรีมุข วันนี้มันจึงสับสนไปหมด จึงอยากให้ทุกคนใช้สติและตรวจสอบข้อมูลก่อน ไม่งั้นเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโหมกระแส มันจะยากสำหรับการเจรจา และบางเรื่องต้องเสนอด้วยความเข้าใจและข้อเท็จจริงจึงจะเหมาะสม” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ มีสถานการณ์ฉุกเฉิน แม่ทัพภาค สามารถสั่งปิดด่านได้เลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นการประกาศกฎอัยการศึก แม่ทัพมีอำนาจในการสั่งปิด แต่เมื่อวานที่ตนได้คุยแม่ทัพภาคที่ 2 ก็บอกว่า จะไปทีละขั้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น จากตรงนี้ไปเราอาจสั่งปิดก็ได้ หรือปิดเป็นช่วงเวลา ก็แล้วแต่มาตรการที่เหมาะสม ที่ไม่ขยายความขัดแย้ง แต่ปัญหาสำคัญคือ มันพร้อมสู่มาตรการนี้หรือยัง

ส่วนที่ กลุ่ม คปท. จะเดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม เรื่องนี้ไม่เป็นไร ซึ่งจะมีตัวแทนรับหนังสือ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้หนีแต่มีภารกิจประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน เพราะตนเองได้ทำงาน 2 กระทรวง ทั้งทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ย้ำว่าไม่ได้หนี

เมื่อถามว่า ตอนนี้ชายแดนที่เกิดเหตุแบบนี้ จะสามารถใช้ความสัมพันธ์พิเศษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และฮุนเซ็น ทำให้ปัญหายุติลงได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ฝ่ายปฏิบัติการยังทำเต็มที่ ซึ่งส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่นายทักษิณ จะคุยเพื่อช่วยประเทศอย่างไร ซึ่งท่านคุยหรือไม่ตนไม่ทราบ ตนก็ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานที่ตนดูแลอยู่ก็เคลื่อนไหวกันหมด

เมื่อถามว่า การประชุมJBC จะคุยเฉพาะในพื้นที่ช่องบกอย่างเดียว ไม่ได้รวมถึงเกาะกูดและพื้นที่อ้างสิทธิ์อื่นด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลาเกิดเหตุการณ์ ยิ่งคุยกว้างยิ่งจบยาก หากปัญหาเกิดตรงนี้ เราก็ต้องโฟกัสตรงนี้ เขาต้องการขยายกว้าง แต่เราคุยแคบ หากเราไปตามเขา ก็เท่ากับเปิดประเด็นทั้งหมดที่เป็นปัญหา ถ้าเขาร้อนเราก็ต้องเย็น สื่อแอย่าไปหลงประเด็นเขา เพราะตอนนี้ที่เขาบอกว่าจะขึ้นศาลโลก เขาพูดฝ่ายเดียวก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเราไปบอกว่าโอเคหรือไม่โอเค ก็จะเป็นประเด็น ดังนั้นเราต้องอยู่ตรงนี้ ซึ่งกรณีของศาลโลก ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ที่เราไม่รับมติของศาลโลก ดังนั้น หากเขานำเรื่องขึ้นศาลโลก ก็ต้องได้รับการยอมรับจากเรา เรายืนยันว่าจะให้จบที่การประชุมเจบีซี ที่เราทำขณะนี้ เราใช้สติในการดูว่าแค่ไหนอย่างไรจึงจะเหมาสมเท่านั้น ตอนนี้เราเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน โฟกัสจุดที่เป็นปัญหา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย