6 มิ.ย. – ประธานหอการค้าภาคตะวันออก เผยการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ยังส่งออกได้ตามปกติ แต่หากปิดด่านจริง สามารถปรับตัวหันไปส่งออกผ่าน สปป ลาว หรือทางเรือแทนได้
นายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม รองประธานหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคตะวันออก เปิดเผยว่า จากการสอบถามหอการค้าจังหวัดตราด สระแก้ว และจันทบุรี การค้าชายแดนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่งออกได้ปกติ แรงงานกัมพูชาในไทยก็ไม่ได้เดินทางกลับ แต่หากปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาจริง ก็คาดว่ากระทบต่อการค้าชายแดนของไทยไม่มาก เพราะสินค้าที่ส่งไปยังกัมพูชาส่วนใหญ่ประมาณ 50% เป็นสินค้าผ่านแดนไปยังเวียดนาม และจีนตอนใต้ มีสินค้าที่ส่งเข้าตลาดกัมพูชาเพียง 50% ซึ่งสามารถปรับตัวหันไปส่งออกผ่าน สปป ลาว หรือท่าเรือแหลมฉบับไปยังเวียดนาม จีนและกัมพูชาได้ และที่ผ่านมาก็ส่งไปทางเรือเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้สัดส่วนสินค้าไทยในกัมพูชาก็ลดลงไปมาก จากเดิมก่อนการระบาดของโควิด-19 สินค้าไทยครองตลาดกัมพูชาประมาณ 80% แต่ปัจจุบันเหลือประมาณ 20–30% เพราะสินค้าอุปโภค-บริโภค และก่อสร้าง ได้ถูกสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดเป็นจำนวนมาก แต่มูลค่าการส่งออกก็ไม่ได้ลดลง และเติบโตประมาณปีละ 10% เพราะไทยได้เปลี่ยนไปส่งออกสินค้าในกลุ่มเครื่องจักรกล และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น
แต่ทั้งนี้ ยังคงมั่นใจว่าถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง ด่านการค้าชายแดนก็อาจจะปิดเพียงบางด่านที่มีปัญหา ซึ่งด่านการค้าที่ใหญ่ และมีมูลค่าการค้าสูง จะอยู่ในชายแดนภาคตะวันออกในจังหวัดสระแก้ว ตราด และจันทบุรี ที่ยังไม่มีปัญหาเขตแดนที่รุนแรง ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหาที่เขาพระวิหาร ก็ปิดเพียงบางด่านที่ใกล้กับพื้นที่สู้รบเท่านั้น ส่วนในพื้นที่อื่นก็เปิดค้าขายได้ตามปกติ ซึ่งหากต้องปิดด่านการค้าไทย-กัมพูชาทั้งหมด ผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน โดยการค้าชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว จะกระทบกับผู้ค้ารายใหญ่เป็นหลัก แต่หากเป็นชายแดน จ.จันทบุรี กับตราด กระทบรายย่อยเป็นหลัก เพราะส่วนใหญ่เป็นการส่งออกผลไม้เป็นหลัก แต่ทั้งหมดนี้ก็ย้ายที่ส่งออกไปชายแดนสปป ลาว และทางเรือได้.-สำนักข่าวไทย