กาฐมาณฑุ

กาฐมาณฑุ 2 ต.ค.- เจ้าหน้าที่กู้ภัยในเนปาลเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่ประสบภัยจากน้ำท่วมและดินถล่มจากฝนตกหนักเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เนปาลมีฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วันเมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลจากพายุในอ่าวเบงกอล เป็นฝนตกหนักที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงและดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงกาฐมาณฑุที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยท่ามกลางความเสียหายอย่างหนักที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนประชาชนและถนนหนทาง รัฐบาลเนปาลแจ้งเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 224 คน รับบาดเจ็บ 158 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 24 คน โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 16 แห่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ลดลง มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลถูกตำหนิอย่างหนักที่รับมือล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุดินถล่มมีคนเสียชีวิต 30 กว่าคน และทำให้ยวดยานจำนวนมากติดค้างอยู่หลายชั่วโมง ทั้งที่จุดดังกล่าวอยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

กาฐมาณฑุ 30 ก.ย.- ชาวบ้านในเมืองหลวงของเนปาลเริ่มตรวจสอบความเสียหายและเก็บกู้ทรัพย์สินจากน้ำท่วมและดินถล่มครั้งใหญ่จากการที่ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน  ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศพุ่งเป็นอย่างน้อย 151 ราย สูญหาย 56 คน สถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ของเนปาล รวมทั้งกรุงกาฐมาณฑุ จากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา สภาพอากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อวานนี้ เอื้อต่อการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามค้นหาสัญญาณชีพของผู้อาจรอดชีวิตตามซากความเสียหายจากภัยพิบัติ ขณะที่รัฐบาลเนปาลประกาศปิดโรงเรียน 3 วัน หลายพื้นที่ของกรุงกาฐมาณฑุวัดปริมาณฝนตกหนักถึง 322.2 มิลลิเมตร ทำให้แม่น้ำบัคมาติ แม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงเนปาล และแม่น้ำอื่น ๆ มีระดับน้ำเพิ่มสูงจนเกินขีดอันตราย เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ใกล้แม่น้ำบวกกับมีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากยิ่งขึ้นพร้อมก่อความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง โครงสร้างพื้นฐาน ถนนและสะพานถูกน้ำท่วม (อ่านเพิ่มเติม https://tna.mcot.net/world-1426394) อย่างไรก็ดี หลายพื้นที่รวมทั้งในกรุงกาฐมาณฑุ  ฝนเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทำให้ชาวบ้านเริ่มออกมาตรวจสอบความเสียหายของทรัพย์สินในบ้านเรือนและสินค้าในอาคารร้านค้า รวมทั้งช่วยกันทำความสะอาด เก็บกวาดดินโคลน รื้อเศษซากกิ่งไม้และอื่นๆ ออกจากอาคารบ้านเรือน  สภาพบ้านเมืองทั่วไปในเวลานี้เต็มไปด้วยเศษซากความเสียหาย อันเป็นภารกิจหนักอึ้งของช่วงการฟื้นฟูจากน้ำท่วมที่ชาวเนปาลในพื้นที่ประสบภัยกำลังเผชิญ.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝนที่ตกอยางหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในประเทศเนปาล และมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย สูญหาย 7 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตำรวจเนเปลเผยแพร่ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่า นักบินของเครื่องบินเล็กที่เกิดอุบัติเหตุตกในวันนี้กำลังได้รับความช่วยเหลือออกมาจากซากของเครื่องบิน

กาฐมาณฑุ 7 ก.ค.- มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 47 คนในเนปาล หลังจากฝนตกหนักในฤดูมรสุม เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และฟ้าผ่า รอยเตอร์รายงานในวันนี้ว่า รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเนปาลแถลงต่อสมัชชาแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ว่า ประชาชน 4 คนเสียชีวิตเพราะน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชน 24 คนเสียชีวิตเพราะดินถล่ม และประชาชน 19 คนเสียชีวิตเพราะฟ้าผ่า รวมผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ 47 คน น้ำท่วมหนักในกรุงกาฐมาณฑุทำให้ถนนหนทาง บ้านเรือน และยวดยานจมน้ำ ประชาชนต้องเดินฝ่าน้ำท่วมสีโคลนไปทำกิจวัตรประจำวัน รอยเตอร์ระบุว่า ดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในฤดูมรสุมของเนปาลที่มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา และมีคนเสียชีวิตปีละหลายร้อยคน ฤดูมรสุมในเนปาลเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน และมักดำเนินไปจนถึงกลางเดือนกันยายน.-814.-สำนักข่าวไทย

กาฐมาณฑุ 11 ก.ค.- เนปาลแจ้งยืนยันวันนี้ว่า เฮลิคอปเตอร์นักท่องเที่ยวได้ตกกระแทกพื้นหลังจากทะยานขึ้นใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ไม่นาน ทำให้คนบนเครื่อง 6 คนเสียชีวิตหมดทั้งลำ สำนักงานการบินพลเรือนของเนปาลแจ้งว่า เฮลิคอปเตอร์ของสายการบินมานัง แอร์ (Manang Air) เดินทางออกจากท่าอากาศยานลุกลา (Lukla) ซึ่งเป็นประตูสู่การพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ที่เป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลก เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังกรุงกาฐมาณฑุ แต่ได้ขาดการติดต่อไปหลังจากทะยานขึ้นเมื่อเวลา 10:04 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 11:19 น.วันนี้ตามเวลาไทยได้เพียง 10 นาที เจ้าหน้าที่พบ 6 ศพในที่เกิดเหตุ เว็บไซต์ฮินดูสถานไทมส์ของอินเดียรายงานว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเป็นชาวต่างชาติ  โดยเป็นนักท่องเที่ยว 5 คน นักบิน 1 คน เหตุเกิดขณะกำลังเดินทางกลับจากการเที่ยวชมทิวทัศน์บนยอดเขาเอเวอเรสต์ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานเผยว่า สภาพอากาศไม่ดีทำให้เฮลิคอปเตอร์ต้องเปลี่ยนเส้นทาง.-สำนักข่าวไทย

เนปาลพบตำแหน่งกล่องดำของเครื่องบินสายการบินเยติแอร์ไลน์ที่ตกเมื่อวันอาทิตย์ และได้เก็บกู้เพื่อนำไปตรวจสอบแล้ว

กาฐมาณฑุ 15 ม.ค.- ท่าอากาศยานนานาชาติโพคาราของเนปาลยกเลิกเที่ยวขาเข้าและขาออกทั้งหมดในวันนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันเกิดเหตุเครื่องบินสายการบินเยติแอร์ไลน์ตกเพราะชนช่องเขาใกล้ท่าอากาศยาน เว็บไซต์หิมาลายันไทมส์ของเนปาลรายงานว่า โฆษกท่าอากาศยานยืนยันเรื่องยกเลิกเที่ยวบิน ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งเนปาลแจ้งว่า ผู้โดยสารบนเครื่องบินที่ชนช่องเขาเป็นชาวเนปาล 60 คน ชาวต่างชาติ 8 คน ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่ 62 คน เป็นเด็ก 3 คน และเป็นผู้ไร้ความสามารถ 3 คน สายการบินเยติแอร์ไลน์ที่ประสบเหตุในวันนี้เป็นสายการบินในประเทศใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเนปาล รองจากบุดด้าแอร์ ท่าอากาศยานนานาชาติโพคาราเป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 3 ของเนปาล เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีไชนา ซีเอเอ็มซี เอ็นจิเนียริง บริษัทของจีนได้สัญญาก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมศตวรรษใหม่หรือบีอาร์ไอ (BRI) ที่เป็นความริเริ่มของจีน เริ่มการก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2560 มูลค่าก่อสร้าง 22,000 ล้านรูปีเนปาล (ราว 5,570 ล้านบาท) เนปาลเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินหลายครั้ง อุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2535 เครื่องบินของสายการบินปากีสถานอินเตอร์เนชันนัลแอร์ไลน์ชนขณะใกล้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติตริภูวันในกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องลงจอดยาก เสียชีวิตหมดทั้งลำ […]

กาฐมาณฑุ 15 ม.ค.- เครื่องบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 72 คน ชนบนทางวิ่งขณะพยายามลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโพคาราของเนปาล เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการช่วยเหลือกู้ภัย ยังไม่มีข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่   เว็บไซต์อินเดียทีวีนิวส์รายงานอ้างหนังสือพิมพ์กาฐมาณฑุโพสต์ของเนปาลว่า เครื่องบินของสายการบินเยติแอร์ไลน์ (Yeti Airlines) ชนในจุดที่อยู่ระหว่างท่าอากาศยานเก่าที่เป็นท่าอากาศยานในประเทศกับท่าอากาศยานนานาชาติที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา รายงานเบื้องต้นเผยว่า เครื่องบินลำนี้เดินทางมาจากกรุงกาฐมาณฑุ ประสบเหตุขณะพยายามลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโพคาราในช่วงที่สภาพอากาศไม่ดี และเกิดไฟไหม้ขณะชนทางวิ่ง เจ้าหน้าที่กำลังหาทางดับไฟเพื่อช่วยเหลือคนบนเครื่องบินอยู่ ท่าอากาศยานแห่งนี้มีเนินเขาล้อมรอบ ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเนปาล อุตสาหกรรมการบินของเนปาลเฟื่องฟูในช่วงหลายปีมานี้ เป็นการลำเลียงสินค้าและผู้คนไปในพื้นที่ที่ยากเข้าถึง รวมถึงนักไต่เขาและนักเดินป่าแบบเทรคกิ้งชาวต่างชาติ แต่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากมีการอบรมและการซ่อมบำรุงไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ห้ามสายการบินเนปาลทุกแห่งบินเข้าน่านฟ้า  นอกจากนี้ยังมีความท้าทายต่อการนำเครื่องบินลงจอด เนื่องจากท่าอากาศยานหลายแห่งตั้งอยู่บนภูเขาที่มีทางวิ่งเสี่ยงอันตรายและมียอดเขาปกคลุมด้วยหิมะ  สายการบินหลายแห่งเผยว่า เนปาลขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่จะพยากรณ์สภาพอากาศได้ย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเหตุเครื่องบินชนมีผู้เสียชีวิตหลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย