กรุงเทพฯ 7 ก.ย.- กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์กลุ่มบางจากมีโอกาสเติบโตแม้มีข่าวลือเหตุขัดแย้งไทยกัมพูชา
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีกระแสข่างการซื้อหุ้นบางจากฯโยงใยการเมืองไทย-กัมพูชาว่า ไม่ทราบว่าเท็จจริงเพียงใด และขอไม่ยืนยัน แต่เชื่อว่า ผลกระทบจากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นบางจากฯ รายใหม่ก่อนหน้าน้อยมากต่อผลประกอบการกำไร แนวทางกลยุทธ์ และความโปร่งใสของบริษัท
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ผู้ถือหุ้นไทย โดยเฉพาะภาครัฐไทย ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นที่สูงกว่า 40% – กองทุนวายุภักดิ์ 19.84%, ประกันสังคม 15.11%, กระทรวงการคลัง 4.76% – และภาคเอกชน เช่น BTS 1.45% และกรุงเทพประกันภัย 1.03% เทียบกับสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มที่ถูกอ้างว่าเป็นของ”ฮุนเซน” ที่ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่ามีจำนวนเท่าไร โดยแม้อนุมานแบบสุดโต่งว่าการถือแบบ nominee ทั้งหมดเป็นของกลุ่มฮุนเซน ก็สามารถรวบรวมได้เพียง 20-26% โดยThai NVDR ถือหุ้น13.87%, CGS Sinapore 4.87%, Bank of New York Melon 3.02%, South East Asia (type C) 2.07%, Alpha Chartered Energy 2.04% โดยจะเห็นว่า Alpha ที่ถูกเชื่อว่าเป็นตัวแทนกลุ่มฮุนเซนนั้น มีการถือหุ้นตรงเพียง 2.04% เท่านั้น โดยจำนวนที่อนุมานแบบสุดโต่งที่ 20%-26% ยังคงน้อยกว่าภาครัฐ 40% (19.84%+15.11%+4.76%) และภาคเอกชน 2.5% (BTS+BLA) ดังนั้นแม้จะมีการส่งคนที่คาดว่าเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นใหม่ 2 คน กลุ่มฮุนเซนที่มีหุ้น 20%-26% (หรืออาจน้อยกว่า) ไม่สามารถจะควบคุม ชี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจใดๆ ของกลุ่มบางจากได้
- หากอ้างอิงถึงเจตนารมณ์ของการเข้าถือหุ้นของกลุ่มฮุนเซนในบางจาก ที่อ้างว่า BCP กำลังมีแผนที่จะเข้าไปขุดสำรวจน้ำมันและก๊าซบริเวณเกาะกูด ซึ่งเท่าที่ผมเช็คมา และได้รับรู้มาตลอดช่วงเวลาของการ cover หุ้น BCP มากว่า 20 ปี ไม่เคยมีข้อมูลที่บ่งชี้ใดๆ เลยว่า BCP มีแผนที่จะเข้าไปสำรวจขุดเจาะพลังงานในบริเวณเกาะกูดเลย
- หากแม้นเป้าหมายการเข้าครอบงำควบคุมบางจาก (ที่ล้มเหลว) คือการใช้เป็นเครื่องมือในการเข้ากอบโกยผลประโยชน์ในแหล่งพลังงานผ่าน MOU ที่เซ็นไว้กับไทย
“แต่มาวันนี้ การแตกหักระหว่างทักษิณและฮุนเซน และการล่มสลายของรัฐบาลแพทองธารมาเป็นรัฐบาลระยะสั้นที่นำโดยอนุทิน จึงยิ่งตอกย้ำว่า ความเสี่ยงใดๆ จากกองทุนและการเข้าถือหุ้นในบางจาก ไม่ได้มีความหมายและแทบจะไม่มีความเป็นไปได้อีกต่อไปเมื่อโอกาสการเข้ายึดอำนาจในบางจากของกลุ่มฮุนเซน (หากเชื่อว่าข่าวที่ลือกันเป็นจริง) ล้มเหลวไปแล้ว เพราะไม่สามารถรวบรวมการถือหุ้นได้มากพอ ทำให้ราคาหุ้นที่ร่วงลงของ BCP BSRC และ BCPG จึงเป็นสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลเลยหรือไม่ ?” นายสุวัฒน์วิเคราะห์
นายสุวัฒน์ มองว่าคิดว่าข่าวลือนี้ เป็นวิกฤติหรือโอกาสในการลงทุนในหุ้นกลุ่ม BCP โดยเฉพาะ BCPG ที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานและการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นชัดเจนมาก และยังคงถูกประเมินต่ำเกินไปโดยนักลงทุนโดยบริษัทในเครือ เช่น BCPGมีโอกาวเติบโต จากกำไรของโรงไฟฟ้า 4 โรงในสหรัฐที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของดีมาน data center ในสหรัฐ และมีกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม Monsoon 600 MW ที่เพิ่งเริ่มการผลิตในวันที่ 22 สิงหาคม 2025 ในสปป ลาว ด้านหุ้น BCP กำไรจะฟื้นตัวแรงใน ครึ่งหลังปี 68 จากค่าการกลั่นที่สูงขึ้นมาก จากกำไร inventory จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและอาจรวมถึงค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นบ้าง จากการเปลี่ยนแปลง รมว.พลังงาน ส่วน BSRC กำไรฟื้นตัวจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น กำไร inventory และค่าการตลาดที่ดีขึ้น.- 511-สำนักข่าวไทย