ผบ.ทร. ประเมินปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อถึงปีหน้า

กทม. 23 ก.ย.-ผบ.ทร. ประเมินปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อถึงปีหน้า เหตุ 2 ประเทศยังไม่บรรลุข้อตกลง พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึง การส่งต่อหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสที่ใกล้จะเกษียณอายุราชการ ว่ามี 4 – 5 เรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการปกป้องอธิปไตยของไทย ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงต้องมีการส่งมอบอย่างละเอียด เช่น การวางแผนติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เช่น การตรึงกำลังในพื้นที่ การผลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อลดความเหนื่อยล้าของกำลังพล การจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อรองรับภัยคุกคาม หากในปีหน้าสถานการณ์พัฒนาไปสู่ระดับที่เกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ผบ.ทร. ยอมรับว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มลากยาวไปถึงปีหน้า เพราะมองว่า การเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังล่าช้า แนวโน้มความขัดแย้งจะยืดเยื้อต่อไป แต่ถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงตามที่ไทยต้องการได้ ความขัดแย้งก็จะยุติได้เร็ว สิ่งสำคัญคือจะต้องหาจุดลงตัว ที่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับ เช่น ต้องใช้คนกลางหรือไม่ แต่ถ้าคุยกันสองฝ่ายแล้วตกลงกันได้ก็ควรยุติตรงนี้ สำหรับการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ในพื้นที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) นั้น ขึ้นอยู่กับว่าข้อเสนอของแต่ละฝ่ายได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใด เพื่อให้หน่วยเหนือรับทราบและวางมาตรการดำเนินการเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย ผบ.ทร. ยอมรับว่า […]

พบชาวกัมพูชาเริ่มจับกลุ่มหลังรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 21 ก.ย.-กัมพูชาไม่เข็ด กล้องมุมสูงจับภาพชาวกัมพูชา เตรียมจับกลุ่มหลังรั้วลวดหนามและป่ายูคาลิปตัส บ้านหนองหญ้าแก้ว ภาพล่าสุดกล้องสำรวจมุมสูงของกองกำลังบูรพา เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. พบความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาที่บริเวณรั้วลวดหนามหีบเพลง บ้านหนองหญ้าแก้ว รวมถึงบริเวณป่าต้นยูคาลิปตัสที่ชาวกัมพูชาเคยพยายามยื้อแย่ง รื้อถอนรั้วลวดหนาม ก็พบว่ามีคนเริ่มจับกลุ่มเช่นกัน จากการสังเกตพบว่าส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาว คาดว่าเพิ่งกลับจากงานทำบุญสารทเดือน 10 หรือ แซนโฎนตา เมื่อกล้องสำรวจไล่ไปทางด้านหลังของกลุ่มคน ก็พบรถจำนวนหลายคันจอดอยู่ คาดว่ากลุ่มคนดังกล่าว อาจเกิดจากการเกณฑ์มาจากพื้นที่อื่นๆ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมปฏิบัติการ.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]

ฟางเส้นสุดท้าย “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

สระแก้ว 17 ก.ย. – ประธานคณะ IOT ชื่นชมไทยที่ปฏิบัติตามหลักสากลต่อการยั่วยุของฝั่งกัมพูชา ล่าสุดการยั่วยุยังเกิดขึ้นจนทางการไทยต้องดำเนินการผลักดันตามขั้นตอน ด้าน จ.สระแก้ว เตรียมขีดเส้นตายให้คนกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ข้ามไปหารือผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย

สระแก้ว 17 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว เดินทางข้ามไปหารือ ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” บอกว่า ถ้าไม่มั่นใจ ก็ไม่ไป ก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางจากฝั่งคลองลึกอรัญประเทศของไทย ข้ามไปบริเวณปอยเปต ของกัมพูชา เพื่อหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ปอยเปต เพื่อแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย ในจุดหลังเส้นสีแดงบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ข้อพิพาท แต่เป็นอธิปไตยของไทย โดยมี อุม เรีย ไต ผู้ ว่าราชการจังหวัดมันเตรียมเวนเจ มารอต้อนรับที่กลางสะพานมีการทักทายกันอย่างเป็นกันเอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้ทักทายกับพลโทเป็กวันนา หัวหัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา- ไทย ความสัมพันธ์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมาว่า พลโทเป๊กวันนา ก็เคยข้ามมารักษาพยาบาลที่ฝั่งไทย โดยก่อนเดินทางไปร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่าถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เดินทางไปเจรจาเพราะการหารือที่ขึ้นเป็นไปตามข้อตกลงของจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC.-สำนักข่าวไทย

“รัฐบาล” ยืนยันพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย 100%

ทำเนียบ 20 ส.ค.-“รัฐบาล” ยืนยันพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย 100% ชี้ในอดีตประเทศไทยมีเมตตาให้เขมรใช้เป็นที่หลบภัยสงครามจนถึงทุกวันนี้ กลับรุกล้ำอธิปไตยไทย ยืนยันต้องวางลวดหนามในเขตอธิปไตยของไทยทุกตารางนิ้วตามข้อตกลง เตือนกัมพูชาอย่าใช้ประชาชนของตนเองเป็นโล่มนุษย์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก) เปิดเผยกรณี พื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว ที่ไทยให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาใช้พื้นที่ บนแผ่นดินไทย และเวลาต่อมากัมพูชากลับได้ขยายชุมชน รุกล้ำแผ่นดินของประเทศไทยที่เคยให้การช่วยเหลือเป็นศูนย์อพยพเมื่อครั้งสงคราม ที่คนเขมรฆ่ากันเองถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 อย่างชัดเจน และฝ่ายไทยได้คัดค้านและประท้วงการกระทำดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดมา นอกจากนี้ รัฐบาลได้ยืนยันในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.ตลอดหลาย 10 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติตนเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพร้อมหารือข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ ประชาชนของตน เป็นกำแพงมนุษย์ เข้ามารุกล้ำในเขตแดนไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในชายแดน 2.ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของมนุษยธรรมในการให้พื้นที่หลบภัยสงคราม กับประชาชนชาวเขมรหลายแสนคน แต่กลับบิดเบือนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทยที่หยิบยื่นให้ กลับนำความช่วยเหลือนี้ ไปบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย สะท้อนถึงการขาดความจริงใจ เห็นถึงเจตนาร้ายในการรุกล้ำพื้นที่ของประเทศไทยอย่างชัดเจน […]

ผอ.สำนักกิจการพลเรือน ยันกำลังพลไม่มีถอย ไม่ยอมเสียพื้นที่ให้กัมพูชา

กรุงเทพฯ 14 ส.ค.-สำนักกิจกรรม ผอ.สำนักกิจการพลเรือน ขอบคุณกำลังใจคนไทยเติมเต็มทหารแนวหน้า ยันกำลังพลไม่มีลดไม่มีถอย พร้อมดูแลแผ่นดินไทย ไม่ยอมเสียพื้นที่ให้กัมพูชาแน่นอน หน่วยงานภาคเอกชน กลุ่มศิลปิน ร้านอาหารชั้นนำ และโรงแรมห้าดาว ร่วมกันแถลงจัดโครงการ “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” ภายใต้ความตั้งใจระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวของทหารไทยผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมจัดหาอุปกรณ์จำเป็นให้แก่กองทัพไทย โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5ศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ ร้านอาหารชั้นนำและโรงแรมห้าดาวจะร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษ รายได้ทั้งหมดจะมอบให้ มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยไม่หักค่าใช้จ่าย พลตรี พิพัฒน์ จงวัฒนาไพศาล ผู้อำนวยการสำนักกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าวขอบคุณผู้จัดทำโครงการรักแผ่นดิน ถือเป็นกำลังใจที่ดีให้กับกำลังพลในกองทัพ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ เราจะทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นตัวแทนของคนไทย ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในฐานะตัวแทนของกำลังพลของกองทัพบก ตัวแทนของผู้ที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ในการดูแลเอกราชอธิปไตยของชาติให้ได้ดีที่สุด ทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่และรักษาของประเทศไทยไม่ให้ตกไปเป็นของใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียว เป็นพื้นที่ที่บรรพบุรุษของเราได้ดูแลให้กับพวกเราทุกวันนี้ ยืนยันว่ากำลังพลทุกจุดที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลอยู่ในพื้นที่ต่างๆ […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“ทูตรัศม์” ชี้ “ยกเลิก MOU 43” เข้าทางกัมพูชา ไทยเสียเปรียบทันที

ก.ต่างประเทศ 7 ส.ค.- “ทูตรัศม์” ชี้ “ยกเลิก MOU 43” เข้าทางกัมพูชา ไทยเสียเปรียบทันที เตือนสติคนไทยอย่าหลงกลกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 โดยยืนยันว่าการยกเลิก MOU ในขณะนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบและเข้าทางกัมพูชา MOU 43/44: เป็นเพียง “กรอบเจรจา” ไม่ใช่ “สัญญาเสียดินแดน” โดยเป็น”กรอบการเจรจา” (Framework for Negotiation) ที่สองประเทศตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดกติกาในการพูดคุย โดยท้ายที่สุด ผลลัพธ์ของการเจรจาจะต้องนำเข้าสู่การเห็นชอบของรัฐสภาก่อนจึงจะมีผลทางกฏหมายแท้จริง รัฐบาลหรือใครจะไปตกลงเองตามลำพังไม่ได้ ซึ่ง”MOU 43 เป็นการกำหนดกติกาว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง มีวาระอะไรบ้าง โดยมีสาระสำคัญคือ 1) การแก้ปัญหาต้องเป็นการเจรจาทวิภาคีโดยสันติ 2) มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกหลักในการคุย และ 3) ระบุเอกสารอ้างอิงที่จะใช้ร่วมกัน” นายรัศม์กล่าว นายรัศม์ กล่าวว่า […]

ทบ. ย้ำ “ช่องอานม้า” อยู่ในอธิปไตยไทย เร่งเสริมมั่นคงชายแดน

5 ส.ค.- ทบ. ย้ำช่องอานม้าอยู่ในอธิปไตยไทย เร่งเสริมความมั่นคงชายแดน หลังยึดพื้นที่คืนได้อย่างสมบูรณ์ จากกรณีที่ วันนี้ (5 ส.ค.68) โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา กล่าวหาว่าฝ่ายไทยได้ส่งกำลังทหารติดอาวุธพร้อมยุทโธปกรณ์เข้าสู่พื้นที่ “อานแซะ” ซึ่งกัมพูชาระบุว่าเป็นดินแดนอธิปไตยของตน ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว อีกทั้งยังกล่าวหาว่าฝ่ายไทยได้ดำเนินการลาดตระเวนและรุกล้ำพื้นที่ดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงว่า พื้นที่ที่กล่าวถึงนั้นคือบริเวณ “ช่องอานม้า” ซึ่งอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ที่กระทำการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย โดยฝ่ายไทยได้มีการยื่นหนังสือประท้วงในทุกระดับมาแล้วหลายครั้ง แต่ทางการกัมพูชายังมิได้ดำเนินการแก้ไขใด ๆ ซึ่งจากผลการปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ของฝ่ายไทย สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้โดยสมบูรณ์ จึงได้ดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงและจัดระเบียบพื้นที่ใหม่ โดยมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและใช้เครื่องจักรเข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ เพื่อขจัดอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาอาจลักลอบวางไว้และยังตกค้างอยู่ในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถวางกำลังควบคุมพื้นที่และปกป้องอธิปไตย ของไทยได้อย่างมั่นคง ตามแนวเส้นปฏิบัติการของฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. ย้ำทหารกัมพูชาคุกคามไทยจนถึงวันนี้ หลังข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบ 30 ก.ค.-ศบ.ทก. ย้ำทหารกัมพูชายังคุกคามไทยจนถึงวันนี้ หลังข้อตกลงหยุดยิง ยันฝ่ายไทยมีความพร้อมร่วมประชุม GBC 4 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ พร้อมด้วยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันพุธที่ 30 กรกฎาคม​ 2568 ว่า จากที่มีการพูดคุยเจรจาหยุดยิง 2 ฝ่าย ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ (30 ก.ค.) ยังคงปรากฏการณ์คุกคามของทหารกัมพูชา 4 เหตุการณ์ คือ 1.พื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดศรีสะเกษในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.30 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้าใส่แนวกำลังฝ่ายไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึงเวลา 22.00 น. จึงยุติ2.พื้นที่เขาพระวิหาร […]

“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ! นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ […]

1 2 3 7
...