สว.วุฒิพงศ์ ปิ๊งไอเดีย “รองเท้านิลมังกร” ลดความรุนแรงจากแรงระเบิด

รัฐสภา 22 ส.ค.-สว.วุฒิพงศ์ ปิ๊งไอเดีย “รองเท้านิลมังกร” หวังลดความรุนแรงจากแรงระเบิดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา คาดลดแรงกระแทกได้ 70% จ่อส่งต้นแบบให้แม่ทัพภาคที่ 2 สัปดาห์หน้า น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร และประธานคณะอนุกมธ.ด้านไซเบอร์และเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ วุฒิสภา แถลงกรณีต้นแบบรองเท้านิลมังกร (สไปเดอร์บูท) เพื่อลดแรงระเบิด ว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทหารไทยจำนวนมากที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิดของกัมพูชาส่งผลให้เกิดความสะเทือนใจกับประชาชน รวมถึงขวัญและกำลังใจของทหารแนวหน้า ทำให้มีการแชร์รองเท้าที่เคยใช้ระหว่างสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งตนและทีมงานได้ไปค้นคว้าพบว่าสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ก่อนปี 2000 แล้วโดยประเทศแคนาดา ซึ่งมีโมเดลชัดเจนที่ยูเครนนำไปใช้ เราจึงถอดแบบมาจากสิ่งประดิษฐ์นั้น น.ต.วุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า เราได้ใช้เครื่องพิมพ์แบบสามมิติและประสานงานกับโรงงานที่พิมพ์สามมิติปรากฏว่าโรงงานเหล่านั้น พร้อมจะสนับสนุน โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งการออกแบบการประกอบเป็นรูปร่างเหมือนที่เห็นต้นแบบในวันนี้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จดีต้องรออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงจะได้ต้นแบบออกมา ซึ่งจะเปลี่ยนต้นแบบโดยใส่ไฟเบอร์กลาสที่จะมีความแข็งแรงที่สามารถต้านแรงระเบิดได้ สิ่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วในสงครามรัสเซียยูเครน ซึ่งเดิมทหารยูเครนและชาวบ้านขาขาดไปประมาณ 2 หมื่นคน แต่เมื่อมีรองเท้านี้คนยูเครนขาขาดไม่ถึง 10 คนต่อปี ซึ่งใช้แล้วจะสามารถลดแรงปะทะได้มาก “หากใส่รองเท้าคอมแบททหาร เมื่อถูกระเบิด จะโดนตัดที่ข้อเท้าพอดี แต่ถ้าใช้รองเท้านิลมังกร ซึ่งเป็นรองเท้าที่ถูกยกพื้นขึ้นมา จะทำให้หน่วยลาดตระเวนนั้นไม่บาดเจ็บหรือบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นขาขาด […]

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]

เขมรเกณฑ์ชาวบ้านบีบน้ำตากดดันทหารไทยรื้อลวดหนามจุดผ่านแดน

สระแก้ว 15 ส.ค. – กัมพูชาเกณฑ์ชาวบ้านบีบน้ำตากดดันให้ทหารไทยรื้อยางรถยนต์และลวดหนามหีบเพลง บริเวณจุดผ่านแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บ่ายวานนี้ (14 ส.ค.) บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเจ้าทหารไทยใช้ลวดหนามหีบเพลงและยางรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางปยังฝั่งกัมพูชา ต่อมาทหารกัมพูชาเกณฑ์ชาวบ้านเขมรมาเป็นโล่กำบังและกดดันทหารไทยให้รื้อยางรถยนต์และรั้วลวดหนามหีบเพลงออก จุดเส้นทางระหว่างไทย-กัมพูชา ผ่านไปยังบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แต่ทหารไม่ยอม พร้อมยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเขมร จนเกือบเกิดความวุ่นวาย ทหารเขมรยังพยายามเอาคลิป 2 ชาวกัมพูชา ยกมือไหว้ร่ำไห้ขอความเห็นใจให้ทหารชาติอาเซียนดู ขณะสำรวจพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จุดผ่อนปรนตาพระยา-บึงตะกวน จนมาถึงพื้นที่ อ.โคกสูง และบริเวณบ้านหนองจาน ชายแดน จ.สระแก้ว ที่เดิมทางการไทยเคยเปิดให้ค้าขายกันได้ชั่วคราวก่อนหน้านี้ โดยกัมพูชาระบุว่า ถูกทหารไทยกั้นรั้ว รุกรานที่ทำกิน มรดกเขมร ซึ่งมีเสียงบ่นของคนไทยในพื้นที่ว่าปล่อยปละจนชาวเขมรเหล่านี้เข้ามาหากินเคยตัว คิดว่าเป็นดินแดนตนเอง ทั้งนี้ การเดินทางลงพื้นที่ของคณะผู้ตรวจการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้แทน 7 ประเทศ เพื่อดูปัญหาที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าชาวบ้านเขมรเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะทหารไทยปิดกั้นทางข้ามหมู่บ้านและพยายามรุกลํ้าดินแดนกัมพูชา คณะผู้ตรวจการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ประกอบด้วยผู้แทน […]

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เชื่อมั่นทหารไทยมีวินัย หลัง “ฮุน เซน” อ้างถูกยิงหนังสติ๊กยั่วยุ

กทม. 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อมั่นทหารไทยมีวินัย หลัง “ฮุน เซน” อ้างทหารไทยยิงหนังสติ๊กยั่วยุ อาจนำไปสู่สงคราม ส่วนจะแถลงโต้หรือไม่ ต้องดูตามสถานการณ์ ไม่ใช่โต้ได้ทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะคุยกันไม่ได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อมูลอ้างว่าทหารไทย ใช้หนังสติ๊กยิงยั่วยุทหารกัมพูชา อาจนำไปสู่การใช้อาวุธหนักในการตอบโต้ จนอาจจะกลายเป็นสงครามใหญ่อีกครั้ง ว่า ตนเองยังไม่ทราบในเรื่องของข้อเท็จจริง ขอไปดูรายละเอียดก่อน ซึ่งวันนี้เราขอให้มีความจริงจังจริงใจในการแก้ปัญหา ส่วนเรื่องการใช้หนังสติ๊กเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ทราบ ทุกฝ่ายต้องไปตรวจสอบคนของตัวเอง หากอะไรที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อกันหรือเป็นเงื่อนไขก็ไม่ควรทำ แต่เราเข้มงวดคนของเราอยู่แล้ว พร้อมเชื่อว่าคนของเรามีวินัย ส่วนจะมีการสั่งให้ผู้บังคับบัญชาไปตรวจสอบว่าคนของเรามีการใช้หนังสติ๊กจริงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาก็จะไปดูข้อเท็จจริง และก็จะจะมีการพูดคุยกันได้ น่าจะไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการแถลงตอบโต้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะอาจจะถูกนำไปบิดเบือน และเผยแพร่ต่อนานาชาติ นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็ต้องดูไปตามสถานการณ์ว่ามีการพูดไปมากแค่ไหน พูดไปไกลอย่างไรไม่ใช่เราจะโต้ทุกประเด็น ไม่เช่นนั้นจะคุยกันไม่ได้.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาค 2 ยัน “ช่องอานม้า” ทหารไทยยึดพื้นที่สำคัญได้หลายจุด

2 ส.ค. – กองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน “ช่องอานม้า” ปัจจุบันควบคุมพื้นที่อย่างมั่นคง ผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด จากกรณีที่ช่วงสายวันนี้ (2 ส.ค.68) มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลว่า มีกองทัพโดรน และรถถังของทางฝั่งกัมพูชา เข้าบุกยึดพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้มีความกังวลเกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยทุกคน ที่กำลังให้ความสนใจในสถานการณ์ด้านชายแดนระหว่างไทย และกัมพูชา ทำให้ในเวลาต่อมา (12.44 น.) ทางเพจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาโพสต์ชี้แจ้งถึงกรณีข้อเท็จจริง เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในพื้นที่ “ช่องอานม้า” โดยมีข้อความระบุว่า ก่อนเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารของไทยไม่เคยสามารถเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ โดยพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้น มีกำลังทหารไทยควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว สำหรับแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ์ “ช่องอานม้า”เพื่อป้องกันเหตุปะทะ และรักษาเสถียรภาพในพื้นที่อ่อนไหว ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้: ปัจจุบัน : […]

“อนุทิน” ลงพื้นที่ชายแดนบ้านกรวด ให้กำลังใจทหาร-ชรบ.

บุรีรัมย์ 2 ส.ค.-“อนุทิน” ควง “ซาบีดา-สส.ภูมิใจไทย” ลงพื้นที่ชายแดนบ้านกรวด ให้กำลังใจ ทหาร-ชรบ. เผยคุยกับนายอำเภอในพื้นที่ แนะให้ชาวบ้านอยู่ศูนย์อพยพพ้นวันที่ 4 ส.ค.ไปก่อน แม้วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย และสส.ของพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ชายแดนบริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ขณะนี้ยังได้รับคำแนะนำจากนายอำเภอ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เป็นหลัก ว่าถ้าใครยังอยู่ที่ศูนย์อพยพขอให้อยู่เลยวันที่ 4 ส.ค. ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไปก่อน แม้สถานการณ์ในขณะนี้จะดีขึ้น แต่เรายังต้องเฝ้าระวังเรื่องโดรนกันอย่างเต็มที่ เพราะยังมีการบินเข้ามา ซึ่งมีวัตถุประสงค์อย่างไรต้องรอฝ่ายทหารเป็นผู้ประเมิน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ไทยก็ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ สส.ในพื้นที่ก็ทำหน้าที่ดูแลชาวบ้าน ขอร้องให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย.-315.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 7
...