ตรัง 16 พ.ค. – ปิดคดีฆ่าเผานั่งยาง 3 ศพ และฆ่าฝังดิน 1 ศพ ในสวนปาล์ม จ.ตรัง ตำรวจจับครบแล้ว 4 คน โดย 2 คนสุดท้ายเพิ่งนำตัวลงมาจากเขา
คนร้ายที่ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพ และฆ่าฝังดิน 1 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหว ล่าสุดยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว เพราะกลัวจะถูกวิสามัญ โดย 2 คนแรกคือ นายศุภกรณ์ หรือ บิน หัวหน้าแก๊ง กับนายจรณชัย หรือ แต้ม ตำรวจควบคุมตัวได้ช่วงเช้ามืดวันนี้ ส่วนอีก 2 คนคือ นายปิยศักดิ์ หรือ แจ็ค และนายรพีพันธ์ หรือ เทือก ตำรวจเข้าควบคุมตัวได้ช่วงเย็นที่ผ่านมา ขณะที่หนีไปกบดานอยู่ในป่าบ้านถ้ำน้ำผุด อ.เมืองตรัง ซึ่งคือบ้านเกิดของนายแจ็ค หนึ่งในผู้ต้องหา
การควบคุมตัวคนร้ายทั้ง 4 คนนี้ได้ในวันนี้ยังทำให้เจ้าหน้าที่สามารถไขปริศนาศพนิรนามที่ถูกฆ่าฝังดินอยู่ใกล้กับจุดเผานั่งยางได้แล้วด้วย เป็นชายสติไม่สมประกอบที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.กะลาเสน จ.ตรัง

ภาพขณะเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวนายปิยะศักดิ์ หรือ แจ็ค และนายรพีพันธ์ หรือ เทือก ซึ่งหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจมาซ่อนตัวอยู่ในป่าบ้านถ้ำน้ำผุด อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายแจ็ค ได้เมื่อช่วงก่อนค่ำที่ผ่านมา
การจับกุมสองคนนี้เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหัวหน้าแก๊ง คือนายบิน และนายแต้ม ได้เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เบื้องต้นในส่วนของนายแจ็ค ตำรวจระบุว่าเป็นมือลั่นไกลสังหารผู้ตาย ร่วมกับนายบิน หัวหน้าแก๊ง ส่วนนายเทือกและนายแต้ม สองคนนี้เป็นผู้ช่วยกันจุดไฟเผาร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมด เพื่ออำพรางศพ ตำรวจมีการควบคุมตัวนายแจ็คและนายเทือกไปสอบปากคำ
ย้อนดูภาพบรรยากาศเมื่อเช้าช่วงจังหวะที่ตำรวจคุมตัวนายบิน หัวหน้าแก๊ง มาสอบปากคำที่ สภ.โคกยาง ตอนคุมตัวเข้ามาในห้องสอบสวน นายบินมีสีหน้าเรียบเฉย ตำรวจใช้เวลาสอบไม่ถึงครึ่งวันก็ได้ข้อมูลสำคัญ จนสามารถไขปริศนาไปสู่ตัวตนของศพนิรนามที่ถูกฆ่าฝังดินอยู่ใกล้กับ 3 ศพที่ถูกเผานั่งยาง จากคำให้การของนายบินที่บอกว่าฆ่าเพราะถูกผู้ตายใช้มีดพร้าไล่ฟัน เลยลงมือยิง ก่อนจะฝังอำพรางศพ
พบเหยื่อฆ่าฝังดินชื่อ “ศุภฤกษ์” สติไม่สมประกอบ
พอเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลก็ลงไปตรวจสอบที่บ้านของผู้เสียชีวิตคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายศุภฤกษ์ หรือ ขาด อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเป็นคนหมู่ 4 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ตำรวจพบกับผู้ใหญ่บ้านและพี่สาวของผู้ตาย ให้ข้อมูลว่านายขาดเป็นคนสติไม่ค่อยสมประกอบ หย่ากับภรรยามาหลายปีแล้ว มีลูก 2 คน ปกติมักหายออกจากบ้านไปครั้งละหลายวัน รอบนี้หายไปเดือนกว่า ทางบ้านเลยไม่ได้เอะใจว่าจะกลายเป็นศพ
พี่สาวนายขาดยอมรับว่าปกติน้องชายมักชอบเข้าไปในสวนปาล์มน้ำมัน และเก็บผลปาล์มที่ร่วงหล่นมาชั่งขายได้ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม ก็เอาเงินมาใช้จ่าย ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง อาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง แต่พี่สาวปฏิเสธว่าโดยปกติน้องชายไม่ใช่คนพกมีด ซึ่งในส่วนนี้สวนทางกับคำให้การของนายบิน ที่อ้างว่าผู้ตายใช้มีดพร้าไล่ฟันตัวเองก่อนเลยใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ไ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ในชุดสอบสวน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวถึงพฤติการณ์การลงมือของคนร้ายทั้ง 4 คนนี้ ซึ่งลงมืออย่างโหดเหี้ยมและทารุณมาก
โดยนายบินรับสารภาพว่าเป็นคนลั่นไกสังหารผู้ตายทั้ง 3 ศพ ร่วมกับนายแจ็ค ลูกสมุน ส่วนนายแต้ม และนายเทือก ช่วยกันจุดไฟเผา แต่ระหว่างนั้นปรากฏว่านายสุรเชษฐ์ หรือโกเชษฐ์ ที่ถูกยิง ยังไม่ตาย พยายามจะดิ้นรนหนีไฟที่กำลังลุก แต่ถูกคนร้ายระดมยิงอีกหลายนัด
สำหรับมูลเหตุการลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมในครั้งนี้ เกิดจากการที่คนร้ายทั้ง 4 คน พยายามขอเข้าไปรับช่วงในการเฝ้าสวนปาล์มน้ำมันที่นายสุรเชษฐ์ และลูกน้อง ดูแลอยู่ เนื้อที่รวม 170 ไร่ แต่นายสุรเชษฐ์ไม่ยอม เนื่องจากตัวนายบินนั้นถือเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ และที่ผ่านมาเข้ามาขโมยปาล์มน้ำมันและลักลอบตัดไม้เศรษฐกิจที่อยู่ในสวนปาล์มที่นายสุรเชษฐ์ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสองฝ่ายระหองระแหงกันมาเป็นระยะ
ทั้งนี้ นายบินและพวกเองเดิมทีก็รับจ้างเฝ้าสวนปาล์มน้ำมันของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ จ.ตรัง เนื้อที่รวม 36 ไร่ รวมถึงพื้นที่ จ.กระบี่ คนร้ายเหล่านี้ยังเคยมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด โดยเฉพาะนายบินก่อนที่จะลงมือก่อเหตุฆ่า 4 ศพ เคยมีประวัติฆ่ามาก่อนหน้านี้แล้วถึง 4 ศพ รวมเป็น 8 ศพ.-สำนักข่าวไทย