กรุงเทพ 17 ก.ย. – ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชี้ “เงินบาท” เข้าสู่ภาวะแข็งค่าเกินจำเป็น ห่วงกระทบหนักส่งออก-ท่องเที่ยว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทไทยที่ค่อนข้างแข็งค่า ว่า เงินบาทไทยวันนี้ (17 ก.ย.68) แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 31.748 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินบาทที่แข็งขนาดนี้ไม่สะท้อนกับสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ดี กำลังการซื้อไม่ดี ซึ่งปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้ค่าเงินบาทควรจะอ่อน แต่ตามที่หลายคนบอกว่าปัญหาคือค่าเงินสหรัฐอ่อนตัว ทำให้เงินในภูมิภาคนี้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง โดยตั้งแต่ครึ่งปีมาจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 7% เกือบ 8% เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาครองจากไต้หวันเท่านั้นและแข็งค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก เพราะฉะนั้นปัญหาที่จะกระทบผู้ส่งออก มีทั้งปัญหาที่โดนภาษีนำเข้าของสหรัฐ 19% และต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าซ้ำอีก ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ใช่เฉพาะภาคส่งออก แต่รวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วยที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากไทยพยายามจะเร่งฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากค่าเงินของไทยแข็ง หมายความว่านักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวไทย อาจจะลังเลและเบี่ยงเบนไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่า เช่น เวียดนาม ที่ขณะนี้ค่าเงินด่องอ่อนค่าลงกว่า 3%
ทั้งนี้การส่งออกของไทยที่เติบโตในช่วง 6 เดือนแรกเป็นเพราะการเร่งส่งออกและความกังวลเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐ จึงมีการเร่งส่งออกทำให้การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตถึง 15% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกของไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทาย คาดว่าการส่งออกจะลดลงแน่นอน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปกว่า 30% แม้จะได้นักท่องเที่ยวจากชาติอื่นมาแทนแต่ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 35-36 ล้านคน ตามที่วางเป้าไว้ โดยคาดว่า ปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพียง 32 ล้านคน อย่างไรก็ตาม จีดีพีของไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่เติบโต 1.8-2.0% หลังจากปี 2567 ที่จีดีพีเติบโต 2.5%.-513-สำนักข่าวไทย