ส.อ.ท.ร้องรัฐบาลตรวจเชิงลึกส่งออกทองคำไปกัมพูชา ดูแลเงินบาทแข็งค่า

ส.อ.ท. 15 ก.ย.- ส.อ.ท.เรียกร้องรัฐบาลตรวจเชิงลึกส่งออกทองคำไปกัมพูชา ทั้งผู้ซื้อ-ที่มาเงิน ระบุดูแลเงินบาทแข็งค่า กระทบส่งออก-tariff เสียเปรียบคู่แข่งอย่างเวียดนาม ระบุเหมาะสมที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์ฯ วอนช่วยเอสเอ็มอี haircut หนี้-ขยายวงเงิน เยียวยาผู้ประกอบการ หลังปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อ


ประธาน ส.อ.ท. เสนอรัฐบาลดูรายละเอียดภาษีสหรัฐรายอุตสาหกรรม ใช้ RVC – local content /มาตรการดูแลสินค้าเข้าไทยหวั่นกระทบเพิ่มถึง 30 กลุ่มอุตสาหกรรม / ช่วยเอสเอ็มอี haircutหนี้-ขยายวงเงิน/ เยียวยาผู้ประกอบการหลังปัญหาชายแดนไทยกัมพูชายืดเยื้อ/ เงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออก-และ tariff เสียเปรียบคู่แข่งอย่างเวียดนาม ระบุ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับเหมาะสม /ส่วนเรื่องตัวเลขส่งออกทองคำไปกัมพูชา ต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเกิดจากอะไร ตรวจเชิงลึกผู้ซื้อ-ที่มาเงิน

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และคณะ ว่า ได้มีการหารือและรับฟังแนวคิดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและปัญหาต่าง ๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญ โดยภาคเอกชนเรียกร้องให้หลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ แล้วรัฐบาล เริ่มทำงานได้ทันที เพราะทุกนาทีมีความหมาย โดยในที่ประชุมภาคเอกชนได้สะท้อนหลายเรื่อง


เรื่องแรกคือ กฎหมายภาษีสหรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับ Regional Value Content (RVC) หรือการคำนวณสัดส่วนของ มูลค่าที่ผลิตในภูมิภาค และ Local content ที่ระบุสัดส่วนวัตถุดิบหรือมูลค่าที่ผลิตในประเทศ ที่ไทยจะต้องเจรจากับสหรัฐ เพราะแม้จะมีอัตราภาษีออกมาที่ชัดเจนแล้ว แต่ Local content จะต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดกับสหรัฐต่อว่าจะกำหนดมาตรฐานแบบใด อุตสาหกรรมใดทำได้หรือไม่ได้ รวมถึงรัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาอย่างไร

ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า โดยเฉพาะปัญหาสินค้าราคาถูกทะลักเข้าไทย กระทบเอสเอ็มอีไทย 24 กลุ่มอุตสาหกรรม ในปี 2566 ซึ่งหากปี 2568 รัฐบาลไม่มีมาตรการที่เหมาะสม คาดว่าจะส่งผลกระทบขยายเพิ่มเป็น 30 อุตสาหกรรม

ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุด ท่ามกลางสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง ส่งผลการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาให้ตรงจุด เช่น การ Haircut หนี้ และการขยายวงเงินสินเชื่อ โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่กดดันกำลังซื้อของคนในประเทศ


ส่วนปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อ supply chain ในภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันภาคเอกชนแก้ไขปัญหากันเอง แต่ก็ต้องเจอปัญหาต้นทุนสูง อย่างไรก็ตาม เอกชนเข้าใจเรื่องการรักษาอธิปไตยของประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้กดดันการทำงานของภาครัฐ เพียงแค่อยากให้มีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถประคองธุรกิจต่อไปได้ ระหว่างที่รัฐยังเจรจาหาข้อยุติปัญหา

นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเสนอให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเมดอินไทยแลนด์ ที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2566 โดยอยากให้รัฐบาลผลักดันโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพิ่มสัดส่วนการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยจากปัจจุบัน 5% เป็น 10-20% พร้อมเสนอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็น 2 เท่า สำหรับการซื้อสินค้าเมดอินไทยแลนด์ รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ส่งออกใช้สินค้าของไทยเป็นวัตถุดิบในการผลิตมากขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหา RVC และ Local Content ได้

เรื่องพลังงาน เอกชนอยากเรียกร้องให้รัฐบาล ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ เนื่องจากการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศจะเพิ่มต้นทุนถึง 58% แต่มองว่า Pool Gas ก็ยังไม่เหมาะสม เพราะว่าช่วยลดต้นทุนได้แค่ 2-3% เท่านั้น ซึ่งทำให้ภาคเอกชนไม่สามารถแข่งขันได้

ขณะที่โครงการคนละครึ่ง นายเกรียงไกร กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลทำต่อไป เพราะมองว่าเป็นมาตรการที่ดี นอกจากนี้ยังเสนอให้กรมศุลกากรมีมาตรการที่เข้มงวดดูแลในเรื่องสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานลักลอบเข้ามาในประเทศหรือสำแดงไม่ตรงปก ให้มีการตรวจตรามากขึ้น

นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาท ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาถึง 7% เกือบสูงสุดในภูมิภาค รองจากประเทศไต้หวันเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผู้ประกอบการไทยค่อนข้างกังวล เนื่องจากกระทบการส่งออก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม ที่ตั้งแต่ต้นปีค่าเงินเวียดนามอ่อนตัวลงไป 3% ส่งผลกระทบให้ไทยเสียเปรียบในเรื่องของการส่งออกกับประเทศคู่แข่งทางการค้า เพราะไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกถึง 60% ของ GDP นอกจากนี้ยังกระทบภาคการท่องเที่ยว โดยมองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 34 – 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี จะส่งคณะทำงานเข้ามาหารือกับสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาค่าเงินบาทล่วงหน้า ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาทำงานเต็มตัว

ส่วนกรณีที่ กกร. พบว่าไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชามีสัดส่วนสูงผิดปกติ โดยในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2566 ถึง 10 เท่า หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 105,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2568 ช่วง 7 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว 71,000 ล้านบาท และเฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าเดือนเดียวมีการส่งออกทองคำไปถึง 8,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่า การออกมาให้ข้อมูลนั้น เพื่อให้รัฐบาลมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งทราบว่าวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือร่วมกับสมาคมค้าทองคำ

อย่างไรก็ตาม แม้กรมศุลกากรและกระทรวงพาณิชย์จะออกมายืนยันว่า การส่งออกทองคำไม่มีความผิดปกติ นั้น แต่ภาคเอกชนอยากให้มีการตรวจสอบเชิงลึก ไปถึงผู้ซื้อและที่มาของเงิน เนื่องจากเคยเกิดกรณีศึกษา อย่าง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และดูไบ ที่มีการซื้อขายทองคำในสกุลดอลล่าร์และนำกลับมาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินของตัวเอง ส่งผลให้ค่าเงินของทั้งสองประเทศแข็งค่า จนส่งผลต่อเศรษฐกิจเช่นกัน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจน มิฉะนั้น ก็จะทำให้การแก้ปัญหาค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าอยู่ขณะนี้ ทำได้ไม่ตรงจุด และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะยาวได้.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย