กรุงเทพฯ 16 ก.ย.- SINO ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีดีมานด์ต่อเนื่อง มองไทยได้เปรียบการส่งออกหลังได้ข้อสรุปภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ แต่ยังหวั่นเงินบาทที่แข็งค่า ทำเสียเปรียบคู่แข่งการค้า มั่นใจรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนุน Local Content พร้อมกางแผนขยายธุรกิจ Air Freight คลังสินค้า หลังธุรกิจการบินฟื้นตัว
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ 6 เดือนแรกปี 2568 ได้รับผลกระทบเชิงบวกและลบจากความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ โดยเกิดการเร่งนำเข้าสินค้าในไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังจากสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีพื้นฐาน 10% กับทุกประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้ากลับมาชะลอตัวเล็กน้อยในครึ่งเดือนหลังของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลต่อความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ขณะที่แนวโน้มภาพรวมธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีดีมานด์ต่อเนื่อง หลังจากได้พบกับผู้นำเข้าสินค้าที่สหรัฐฯ เนื่องจากอัตราภาษีฯ ของไทย-สหรัฐฯ ที่ 19% ต่ำกว่าเวียดนามเล็กน้อยและเท่ากับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกหลักในอาเซียน รวมถึงไทยใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เป็นส่วนใหญ่ จึงมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
ทั้งนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการสหรัฐที่นำเข้าสินค้า โดยยังมีความกังวลต่อกรณีศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ ที่มีคำสั่งระงับมาตรการเก็บภาษีนำเข้า (tariff) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือน ก.ค.-พ.ย. เป็นช่วงระยะเวลาที่สหรัฐมีการนำเข้าสูง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาล จึงจำเป็นต้องนำเข้าสินค้า อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสินค้าบางรายการถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 55%
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ยอมรับว่ากระทบการส่งออกที่ไม่ทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ทำให้ขาดทุนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างค่าเงินบาทกับ tariff แล้ว เงินบาทดูเหมือนจะส่งผลกระทบมากกว่า ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนาม ดูเหมือนไทยจะเสียเปรียบด้านค่าเงิน เพราะฉะนั้นเมื่อเงินบาทแข็งค่ามาก จะกระทบความเชื่อมั่นของสหรัฐในการนำเข้าสินค้า อาจต้องดูเป็นรายสินค้าว่ากระทบอย่างไรบ้าง แต่โดยรวมตัวเลข ส่งออกยังไปได้ดี
สำหรับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ภาคเอกชนค่อนข้างมั่นใจ และเชื่อว่าจะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลที่จะสนับสนุน local content เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งวัตถุดิบที่ดี เมื่อมีการสนับสนุน local content จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกได้ดีขึ้น ขณะที่มาตรการที่มีอยู่แล้วอย่าง FTA ก็จะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการส่งออก อย่างไรก็ตามมองว่าขณะนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังต้องการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขยายการส่งออกมากขึ้น
นายนันท์มนัส ยังกล่าวถึงแผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังของบริษัทฯ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศครบวงจรระดับภูมิภาค และปรับพอร์ตรายได้ในปัจจุบันที่มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจบริการ Sea Freight (ขนส่งสินค้าทางทะเล) ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักกว่า 90% 2) กลุ่มธุรกิจบริการ Air Freight (ขนส่งสินค้าทางอากาศ) จะมุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจ Sea Freight ในอนาคต และ 3) กลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ เช่น คลังสินค้าให้เช่า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
ล่าสุด คณะกรรมการ บริษัทฯ อนุมัติให้บริษัท เอสเอ็นซี คาร์โก้ เซอร์วิสเซส จำกัด (SNC) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SINO เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท เอ.เอส. โลจิสติคส์ จำกัด (A.S. Logistics) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่ดำเนินธุรกิจบริการ Air Freight Forwarder โดยใช้งบลงทุน 35 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจและทำให้ SINO มีต้นทุนการบริการ Air Freight ลดลง โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัท เอ.เอส. โลจิสติคส์ จำกัด ตั้งแต่เดือน กันยายน 2568 ตั้งเป้าหมายปี 2569 กลุ่มธุรกิจ Air Freight จะทำรายได้กว่า 200 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3% ของรายได้จากการบริการรวม และจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 5% ของรายได้จากการบริการรวมใน 3-5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศปี 2568 – 2569 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของธุรกิจการบินและการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศ ส่งผลดีต่อพื้นที่ระวางสินค้าที่จะเพิ่มขึ้น. -516-สำนักข่าวไทย