
หอการค้าไทย ห่วงเงินบาทแข็งค่ารุนแรงในรอบหลายปี ภาคธุรกิจกระทบหนัก
กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจนแตะระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการแข็งค่าที่รวดเร็วและรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจจริงของประเทศ วอนรัฐเร่งหามาตรการรองรับ นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยภาคการส่งออก ต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อยอดขายและรายได้จากต่างประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ความแข็งค่าของเงินบาททำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย ภาคเกษตรกรรม เกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออกได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนและรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าเงิน โดยเฉพาะข้าวนาปี และพืชไร่ที่กำลังจะออกมา ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งรุนแรงกว่าประเทศอื่น ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจาก ที่ผ่านมา หอการค้าไทยและคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เคยเสนอแนวทางว่า ควรแยกดุลทองคำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถประเมินผลกระทบต่อค่าเงินได้ตรงจุด พร้อมทั้งเสนอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาจัดการดูแลในส่วนนี้อย่างเป็นระบบ เพราะหากปล่อยให้กลไกค่าเงินผันผวนโดยไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย จะทำให้ผู้ประกอบการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่ค้า นายพจน์ ย้ำว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ แม้ภาครัฐจะใช้เงินทุนสำรองเข้ามาแทรกแซงเพื่อรักษาอัตราแลกเปลี่ยน ก็อาจต้องใช้เงินจำนวนมากและเสี่ยงต่อการสูญเปล่าโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เร่งพิจารณามาตรการที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจจริงและไม่บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย “เงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย แต่กลับทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ […]