โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ 25 พ.ค.-นายกฯ ตั้งเป้าลดเสียชีวิตบนท้องถนนให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2570 กำชับทุกหน่วยงานลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 พร้อมกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” และมอบโล่รางวัล Prime Minister Road Safety Awards ให้กับบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านความปลอดภัยทางถนน จำนวน 49 รางวัล เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้แก่บุคคลและองค์กรที่ดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวทีนี้รับฟังความเห็น ของประชาชนว่าจะมีส่วนร่วม ลดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างไร เพราะขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของความปลอดภัยทางถนน รัฐบาลมีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนมาตรการป้องกันความปลอดภัยทางถนน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ไม่เกิน 12 คนต่อประชากร 1 แสนคน ภายในปี 2570 เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ Vision Zero ภายในปี 2593 ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก แต่เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องร่วมเดินหน้าไปถึงให้ได้
“ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทั้งในส่วนกลางและระดับท้องถิ่น นับว่าเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการเกิดอุบัติเหตุ โดยการเสริมสร้างศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย การคมนาคม และยานพาหนะที่ปลอดภัย การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานถนน และระบบขนส่งที่มีความปลอดภัย การดูแลหลังเกิดอุบัติเหตุ การเก็บข้อมูล การจัดการเรื่องความเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนนมาปรับใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ร่วมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือให้แก่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ให้มีความปลอดภัย ทั้งสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสภาพแวดล้อมทางสังคม รวมทั้งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมช่วยแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นการนำแนวคิด “วิถีแห่งระบบที่ปลอดภัย” มาดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางด้านกายภาพ
“ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ได้จัดเจ้าหน้าที่จำนวนมากดูแล ป้องกันอุบัติเหตุในถนนสายต่าง ๆ นอกจากถนนสายหลักแล้วยังเข้มงวดถนนสายรองมากขึ้น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากที่สุดเกิดจากรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกกันน็อค เมาแล้วขับ ซึ่งผมให้นโยบายไปแล้วว่าต้องดำเนินการตามกฏหมายเคร่งครัด ต้องจับกุมเมื่อกระทำผิดกฏหมาย แต่อยากขอความร่วมมือมากกว่า เพราะไม่มีใครอยากถูกจับกุมหรือถูกลงโทษ จึงต้องหาจุดร่วมให้ลงตัว ต้องสร้างจิตสำนึก สร้างความเข้าใจ ให้ประชาชนมีทักษะการควบคุมความเสี่ยงให้ได้ ผมตำหนิประชาชนไม่ได้ ได้แต่ช่วยเตือน รับไม่ได้ที่ต้องมีผู้เสียชีวิตแม้เพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นจากเหตุการณ์ใดก็ตาม ดังนั้น ต้องวางแผนชัดเจน เพื่อนำไปสู่ความปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอทุกอย่าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมาย ที่แม้จะเขียนใบสั่ง แต่ประชาชนก็ไม่มาเสียค่าปรับ จะใช้มาตรการยึดรถก็ไม่สามารถทำได้ เพราะอาจกลายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
“ผมไม่ได้ตำหนิใคร แต่อยู่กับปัญหามานานและรู้ว่าต้องแก้อะไรบ้าง ผมก็อยู่มานานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แน่นอนผมรู้ปัญหา วิธีแก้ปัญหามีอยู่ แต่ทำได้ไม่ 100% เพราะความร่วมมือยังไม่เกิด นี่คือปัญหา เช่นเดียวกับทุกปัญหาในประเทศไทย เลยต้องกลับมาโทษที่ตัวเองว่าผมทำไม่ได้ ไปโทษใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่ต้องทำต่อไป ที่พูดเพราะอยากให้ทุกคนคิดในบริบทที่กว้างกว่าเดิม ถ้าคล้อยไปก็จะต้องกลับมาแบบเดิม แก้แบบเดิม อันไหนที่เป็นหลักยืนไว้ แต่ต้องหาปลีกย่อยว่าจะแก้อย่างไร แก้ที่ใคร แก้ตรงไหน มาตรการยึดรถก็ไม่ได้ ไม่ต่อทะเบียนเป็นการชั่วคราว ก็ไม่ให้ แล้วจะอะไรที่ว่าให้บังคับ ทำได้แค่นี้ เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย หลายท่านนั่งอยู่ในสภาฯ ก็ฝากไปดูด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างต้องหาวิธีการร่วมมือกันให้ได้ ไม่ใช่ตำหนิคนนั้นคนนี้ แต่ต้องหาวิธีการทำให้ได้ บางอย่างเดินช้า บางอย่างเดินเร็ว อีกทั้งต้องชี้แจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ ไม่ใช่การแก้ตัว.-สำนักข่าวไทย