person uses social media

ออสเตรเลียจะห้ามเด็กใช้โซเชียลมีเดีย

แคนเบอร์รา 7 พ.ย.- ออสเตรเลียเตรียมออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าถึงการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อป้องกันผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีของออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า รัฐบาลจะออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้งานเพื่อเป็นตัวช่วยในการปิดกั้นเด็กจากการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย คาดว่ากฎหมายนี้น่าจะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุดในราวปลายปีหน้า ผู้นำออสเตรเลียให้เหตุผลว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดียกำลังส่งผลร้ายต่อเด็ก ๆ  โดยอ้างว่าการใช้งานโซเชียลมีเดียที่มากเกินไปในเด็กมีความเสี่ยงทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะความเสี่ยงในเด็กผู้หญิงที่อาจถูกล่อลวงให้เปิดเผยภาพของร่างกายที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้เด็กๆ ยังอาจเจอปัญหาการถูกบุลลี่จากโซเชียลมีเดียอีกด้วย รัฐบาลออสเตรเลียจะนำเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อรัฐสภาในปีนี้ ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบก็จะมีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนหลังจากรัฐสภาให้สัตยาบันรับรองแล้ว คาดว่าการออกหมายนี้น่าจะผ่านสภาได้ไม่ยาก เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านก็ให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน ขณะนี้มีหลายประเทศที่มีกฎหมายควบคุมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเด็ก แต่ออสเตรเลียนั้นถือว่ามีความเข้มงวดมากเพราะจะไม่มีข้อยกเว้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของเด็ก แม้ว่าเด็กจะได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครองก็ตาม โดยเมื่อปีที่แล้วฝรั่งเศสได้เสนอให้ห้ามเด็กต่ำกว่า 15 ปีใช้โซเชียลมีเดีย แต่มีข้อยกเว้นให้ใช้ได้ถ้าพ่อแม่อนุญาต ขณะที่สหรัฐใช้เวลานับสิบปีเรียกร้องให้บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มต่าง ๆ จัดหาเทคโนโลยีปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของเด็กอายุน้อยกว่า 13 ปีหากไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ทำให้แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ต้องปิดกั้นการเข้าถึงบริการของเด็กที่อายุน้อยกว่า 13 ปี.-816(814).-สำนักข่าวไทย  

Trump posts he won't do another presidential debate

“ทรัมป์” ประกาศไม่ดีเบตกับ “แฮร์ริส” อีก

นิวยอร์ก 13 ก.ย.- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า จะไม่เข้าร่วมการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบต กับนางคอมมาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอีก อดีตประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ในบัญชีทรูธโซเชียล (Truth Social) ของเขาว่า เมื่อนักชกล่าเงินรางวัลพ่ายแพ้ คำแรกที่ออกจากปาก คือ ต้องการชกล้างตา ผลสำรวจชี้ชัดว่า เขาชนะการดีเบตกับนางแฮร์ริสที่เป็นผู้สมัครฝ่ายซ้ายจัดของพรรคเดโมแครตในการดีเบตเมื่อคืนวันอังคาร ส่วนเธอขอให้มีการดีเบตครั้งที่ 2 ทันที เธอและโจ ไบเดน ที่หลอกลวงทำลายประเทศ ปล่อยให้อาชญากรและผู้มีปัญหาทางจิตหลายล้านคนหลั่งไหลเข้าสหรัฐโดยไร้การตรวจสอบ และปล่อยให้เงินเฟ้อทำให้ชนชั้นกลางล้มละลาย เขาได้พูดเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดไปแล้วในการดีเบตครั้งแรกกับไบเดน และครั้งที่ 2 กับแฮร์ริส จากนั้นทรัมป์ได้โพสต์เป็นอักษรตัวใหญ่ทั้งหมดว่า คอมมาลาควรสนใจเรื่องที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และจะไม่มีการดีเบตครั้งที่ 3 การประกาศดังกล่าวเท่ากับว่า ทรัมป์และแฮร์ริสได้เผชิญหน้ากันครั้งแรกและครั้งเดียวในการดีเบตที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อค่ำวันที่ 10 กันยายนตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันที่ 11 กันยายนตามเวลาไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน ทั้งนี้ทันทีที่เสร็จสิ้นการดีเบต ทีมงานหาเสียงของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้ท้าทายให้ทรัมป์ขึ้นเวทีดีเบตอีกครั้ง ครั้งนั้นทรัมป์ตอบเพียงว่า อาจจะดีเบตอีกครั้งหากจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ที่มีความเป็นธรรม ทั้งนี้ทรัมป์และผู้สนับสนุนในพรรครีพับลิกันกล่าวหานายเดวิด เมียร์และลินซีย์ เดวิส […]

นายกฯ ย้ำทุกหน่วยชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ทันเวลา

นายกฯ ประชุม คกก.ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ เน้นย้ำทุกหน่วยเร่งชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ทันเวลา โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล

นายกฯ หญิงอิตาลีประกาศเลิกคู่ครองผ่านโซเชียล

โรม 21 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีของอิตาลีประกาศเลิกรากับคู่ครองผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากเขาแสดงความเห็นลามกในรายการโทรทัศน์ นายกรัฐมนตรีเมโลนี วัย 46 ปี ประกาศทางสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับนายอันเดรีย จัมบรูโนที่ดำเนินมาเกือบ 10 ปี ได้ยุติลงแล้ว ขอขอบคุณเขาที่ได้ใช้เวลายอดเยี่ยมร่วมกันมาหลายปี ผ่านพ้นปัญหามาด้วยกัน และให้สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ นั่นคือจีเนวรา บุตรสาววัย 7 ขวบ ผู้นำอิตาลีประกาศเรื่องนี้ 2 วันหลังจากนายจัมบรูโน วัย 42 ปี ที่ใช้ชีวิตคู่กับเธอโดยไม่ได้แต่งงานกัน แสดงความเห็นลามกและจับของสงวนของตนเองขณะชวนพิธีกรร่วมที่เป็นสตรีคุยเรื่องเพศในช่วงพักโฆษณา ซึ่งยังมีการถ่ายทอดสดทางสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ของรายการ เขาแถลงผ่านตัวแทนในวันศุกร์ว่า ได้ตกลงกับบริษัทผู้ผลิตรายการว่าจะพักการทำหน้าที่พิธีกรหลังเกิดเหตุดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

เวียดนามจะให้คนใช้โซเชียลยืนยันตัวตน

เวียดนามจะขอให้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทุกคนยืนยันตัวตน โดยให้เหตุผลว่า มีความจำเป็นต้องกวาดล้างการหลอกลวงทางออนไลน์

ชาวซูดานใช้สื่อออนไลน์ระดมความช่วยเหลือ

คาร์ทูม 20 เม.ย.- ชาวกรุงคาร์ทูมของซูดานที่ต้องติดอยู่ในบ้านเรือนนานหลายวัน เนื่องจากท้องถนนมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่ขัดแย้งกัน หันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางในการให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำ และกำลังใจแก่ผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน กลุ่มสนทนาหลายกลุ่มในแอปพลิเคชันวอตส์แอปป์ (WhatsApp) กลายเป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือและกระจายข่าว เช่น แจ้งเรื่องมีคนต้องการนมผงสำหรับทารก แจ้งขอให้ช่วยเติมเงินในโทรศัพท์เพื่อโทรติดต่อครอบครัว ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ช่วยกันอัปโหลดคลิปสาธิตการปฐมพยาบาลและการให้ความช่วยเหลือผู้คนในกรุงคาร์ทูมที่มีมากกว่า 5 ล้านคน นอกจากนี้ยังเปิดเว็บไซต์ชื่อคาร์ทูมเมดิคัล (Khartoum Medical) เป็นช่องทางให้แพทย์และผู้บาดเจ็บติดต่อเรื่องการรักษาพยาบาล เนื่องจากโรงพยาบาลเสียหายหนักจนไม่สามารถให้บริการได้ และการออกไปนอกบ้านเป็นเรื่องอันตราย ส่วนทวิตเตอร์มีการติดแฮชแท็กเป็นภาษาอาหรับเพื่อให้ชาวบ้านในแต่ละย่านใช้ระดมความช่วยเหลือและความสามัคคี ชาวกรุงคาร์ทูมมีชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากมาหลายปี เพราะซูดานถูกนานาชาติคว่ำบาตรและสาธารณูปโภคในประเทศย่ำแย่ เช่น กระแสไฟฟ้าดับ ต้องรับการปันส่วนอาหาร แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีการโจมตีทางอกาศเกิดขึ้นในเมืองหลวงแห่งนี้ การปะทะกันระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่แย่งชิงอำนาจกันและกลายเป็นความรุนแรงมาตั้งแต่วันเสาร์ ทำให้มีพลเรือนล้มตายแล้วไม่ต่ำกว่า 270 คน.-สำนักข่าวไทย

อาร์มติดเสื้อรูปหมีพูห์ถูกต่อยกลายเป็นกระแสโซเชียล

ไทเป 11 เม.ย.- อาร์มติดเสื้อรูปหมีพูห์ถูกหมีดำไต้หวันต่อยหน้ากำลังเป็นสินค้าที่คนในสื่อสังคมออนไลน์ตามหา หลังจากจีนเปิดการฝึกซ้อมทางทหารรอบไต้หวันเพื่อแสดงความไม่พอใจที่ประธานาธิบดีไต้หวันแวะพบกับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่นครลอสแอนเจลิส สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์พากันสะดุดตาภาพนักบินกองทัพอากาศของไต้หวันนายหนึ่งที่กำลังตรวจสอบเครื่องบินขับไล่ เนื่องจากอาร์มติดเครื่องแบบของเขาเป็นรูปหมีดำฟอร์โมซาที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของไต้หวันถือธงชาติไต้หวันต่อยหน้าหมีพูห์อย่างเต็มแรง คล้ายกับต้องการสื่อสารไปถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนที่ถูกล้อเลียนว่าเหมือนหมีพูห์ หรือวินนี เดอะพูห์ ภาพนี้จุดกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาอย่างฉับพลันตั้งแต่วันเสาร์ จนเต็มไปด้วยโพสต์ของผู้ขอซื้อที่อยู่นอกไต้หวัน อาร์มติดเสื้อนี้มี 2 แบบ จำหน่ายชิ้นละ 200 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 225 บาท) มีจุดเริ่มต้นจากร้านแห่งหนึ่งในเมืองเถาหยวน ห่างจากกรุงไทเปไปทางตะวันออก และขณะนี้จำหน่ายหมดเกลี้ยงแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ออกแบบอาร์มติดเสื้อรูปนักบินเครื่องบินขับไล่ของไต้หวันตบหัวแพนด้าที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน หลังจากจีนจัดการฝึกซ้อมทางทหารครั้งใหญ่เพื่อแสดงความไม่พอใจที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นแวะเยือนไต้หวันเมื่อเดือนสิงหาคม 2565.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเร่งหาต้นตอเอกสารลับรั่วออกสื่อโซเชียล

วอชิงตัน 10 เม.ย.- เจ้าหน้าที่สหรัฐเร่งค้นหาต้นตอที่ทำให้เอกสารลับรั่วไหลถูกนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นเอกสารทางทหารและข่าวกรองที่มีความอ่อนไหวสูง ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนสันนิษฐานว่าอาจเป็นฝีมือของคนในสหรัฐ เอกสารเหล่านี้มีหัวข้อกว้างขวางตั้งแต่เรื่องสงครามในยูเครน สถานการณ์ในจีน ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นเอกสารรั่วครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับจากเว็บไซต์วิกิลีกส์สร้างความสั่นสะเทือนด้วยการปล่อยเอกสาร คลิป และโทรเลขทางการทูตมากกว่า 700,000 ชิ้นเมื่อปี 2556 นายไมเคิล มัลรอย อดีตรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐด้านตะวันออกกลางเผยว่า ความสนใจในขณะนี้มุ่งไปที่เป็นการรั่วไหลจากสหรัฐเอง เนื่องจากเอกสารรั่วส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า การสอบสวนยังอยู่ในขั้นต้น และไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย หรืออาจมีการตกแต่งดัดแปลงหวังทำให้เจ้าหน้าที่สับสนเรื่องต้นตอเอกสาร หรือหวังแพร่กระจายข้อมูลเท็จที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ รอยเตอร์เผยว่า ได้เห็นเอกสารที่ประทับตราว่า “ลับ” และ “ลับสุดยอด” แล้วมากกว่า 50 ชิ้นตั้งแต่มีการนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเดือนมีนาคม เริ่มจากแพลตฟอร์มสนทนาดิสคอร์ด (Discord) และกระดานสนทนานิรนามโฟร์แชน (4Chan) เอกสารบางชิ้นโพสต์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน จนกระทั่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์นำมารายงานเป็นสื่อแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เปิดการสอบสวนเรื่องนี้ในฐานะคดีอาญาแล้ว หลังจากได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ขณะที่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐที่ถูกพาดพิงถึงในเอกสารรั่วพากันเคลื่อนไหว ยูเครนเผยว่า ประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงได้หารือเมื่อวันศุกร์เรื่องหาทางป้องกันเอกสารรั่วไหล หลังจากมีเอกสารรั่วประทับตราว่า “ลับ” ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์แจกแจงรายละเอียดเรื่องระบบป้องกันภัยทางอากาศเอส-300 (S-300) ของยูเครนจะถูกใช้หมดภายในวันที่ 2 พฤษภาคม […]

ยุติธรรมสหรัฐสอบสวนเรื่องเอกสารลับรั่วไหล

วอชิงตัน 9 เม.ย.- กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเปิดการสอบสวนเรื่องเอกสารลับของสหรัฐรั่วไหลออกสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน และเรื่องเกี่ยวกับพันธมิตรของสหรัฐ โฆษกกระทรวงยุติธรรมเผยเมื่อวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐว่า กระทรวงอยู่ระหว่างติดต่อประสานงานกับกระทรวงกลาโหมและได้เปิดการสอบสวนแล้ว หลังจากกระทรวงกลาโหมแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า กำลังพิจารณาทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้ส่งเรื่องไปให้กระทรวงยุติธรรมแล้ว เอเอฟพีระบุว่า เอกสารลับที่รั่วไหลมีทั้งรายงานการประเมินและรายงานข่าวกรองลับที่ไม่เพียงเป็นเรื่องของยูเครนและรัสเซีย แต่ยังมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับพันธมิตรของสหรัฐที่เป็นเรื่องอ่อนไหวสูงด้วย เช่น เรื่องที่เกาหลีใต้กำลังหารือว่าจะจัดส่งกระสุนปืนใหญ่ให้สหรัฐเพื่อนำไปใช้ในยูเครนหรือไม่ เอกสารและสไลด์จำนวนหนึ่งถูกทยอยปล่อยออกมาทางสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์สนทนาในช่วงหลายวันมานี้ เช่น ทวิตเตอร์ เทเลแกรม ดิสคอร์ด และยังคงถูกทยอยปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า เอกสารบางชิ้นดูเหมือนถูกตกแต่งดัดแปลง ขณะที่เอกสารหลายชิ้นมีความสอดคล้องกับรายงานประเมินข่าวกรองโลกของสำนักสอบสวนกลางสหรัฐหรือซีไอเอ (CIA) ที่แชร์กันในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในทำเนียบขาว กระทรวงกลาโหมและกระทรวงต่างประเทศ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่เอกสารลับภายในของสหรัฐรั่วไหลนอกจากเป็นเรื่องอันตรายแล้ว ยังเป็นเรื่องน่าอับอายด้วย ขณะที่สื่อในสหรัฐเตือนว่า ข้อมูลที่รั่วไหลอาจเป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย เพราะทำให้รัสเซียรู้ตัวว่าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้แทรกซึมเข้าไปในกองทัพรัสเซียมากน้อยเพียงใด.-สำนักข่าวไทย

เผยแผนช่วยยูเครนทำสงครามหลุดออกสื่อโซเชียล

นิวยอร์ก 7 เม.ย.- หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า เอกสารลับที่มีรายละเอียดแผนการของสหรัฐและนาโตเรื่องช่วยยูเครนเตรียมทำสงครามกับรัสเซียในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ได้หลุดรอดออกไปสู่สื่อสังคมออนไลน์ นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า เอกสารลับถูกเผยแพร่ทางทวิตเตอร์และเทเลแกรมของบัญชีที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซีย บางเอกสารประทับตราว่า “ลับสุดยอด” ด้วย เนื้อหาประกอบด้วยแผนการและรายละเอียดการจัดส่งอาวุธ ความแข็งแกร่งของกำลังพล และข้อมูลอ่อนไหวอื่น ๆ เช่น ตารางการฝึกอบรมหน่วยรบของยูเครนโดยสหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ อัตรารายจ่ายสำหรับอาวุธที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพยูเครน เนื้อหาเหล่านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 5 สัปดาห์ เนื้อหาล่าสุดลงวันที่ 1 มีนาคม อย่างไรก็ดี นิวยอร์กไทมส์ได้อ้างนักวิเคราะห์กองทัพที่เตือนว่า ดูเหมือนเอกสารบางชิ้นถูกรัสเซียแก้ไขดัดแปลง เช่น ยอดทหารยูเครนเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาก และยอดทหารรัสเซียเสียชีวิตที่ลดลงมาก ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงว่า ทราบรายงานข่าวเรื่องนี้แล้ว และกำลังประเมินอยู่.-สำนักข่าวไทย

โพสต์หลอกลวงทางการแพทย์เกลื่อนโซเชียลฟิลิปปินส์

มะนิลา 16 มี.ค.- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สื่อสังคมออนไลน์ของฟิลิปปินส์เต็มไปด้วยโพสต์หลอกลวงทางการแพทย์ มีทั้งสินค้าที่อ้างว่าได้รับการรับรองจากทางการ และการตัดต่อคลิปสร้างความเข้าใจผิด ทีมตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักข่าวเอเอฟพีเผยว่า ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากพึ่งพาการรักษาทางออนไลน์ตั้งแต่ยังไม่มีโรคโควิด-19 ระบาด เพราะเสียค่าใช้จ่ายต่ำและสะดวก ต่อมาในช่วงที่โควิดระบาดพบว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ไม่ผ่านการทดสอบและวิธีการรักษาโรคเรื้อรังอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่มาในรูปแบบของโพสต์ฟรีและโพสต์เสียเงินในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมที่สุดของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 76 ล้านคนในฟิลิปปินส์ โพสต์เหล่านี้อยู่นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนโดยไม่ถูกเฟซบุ๊กตรวจพบ นอกจากนี้ยังมีการนำรายงานข่าวมาบิดเบือน และนำคลิปของบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพมาตัดต่อบิดเบือนเพื่อใช้โฆษณาสินค้าเหล่านี้ สตรีฟิลิปปินส์คนหนึ่งที่เป็นผู้ทำคลิปเผยแพร่ออนไลน์หรือวล็อกเกอร์โพสต์คลิปความยาว 15 นาทีเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 มีคนดูมากกว่าหมื่นครั้ง อ้างกับผู้ติดตามในยูทูบว่า สบู่รูปหัวใจที่เธอถืออยู่ช่วยให้ช่องคลอดกระชับและได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาฟิลิปปินส์ ทั้งที่สำนักงานฯ เคยเตือนผู้บริโภคว่าอย่าใช้สบู่ที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว เพราะเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีตั้งแต่ระคายเคืองไปจนถึงทำให้อวัยวะล้มเหลว เธอยอมรับในคลิปที่โพสต์ในอีกไม่กี่เดือนถัดมาว่า เกาด้วยความระคายเคืองถึงขั้นเลือดออก แต่ก็ยังคงโฆษณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 5
...