ทำเนียบรัฐบาล 3 ธ.ค.-ศบค.พบติดเชื้อใหม่ 4,912 คน หายป่วย 5,844 คน เสียชีวิตเพิ่ม 33 คน เร่งระดมฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงหลังไทยเปิดประเทศ เชื้อโรคพัฒนาสายพันธุ์มากขึ้น
พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ (3 ธ.ค.) ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 4,912 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,606 คน การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 136 คน จากเรือนจำ / ที่ต้องขัง 157 คน และผู้เดินทางจากต่างประเทศ 13 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 33 คน ส่งผลให้ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีจำนวน 2,130,641 คน มีผู้ป่วยหายเพิ่ม 5,844 คน รวมหายป่วยแล้ว 2,037,000 คน อยู่ระหว่างการรักษา 72,761 คน เสียชีวิตรวม 20,880 คน
พญ.สุมนี กล่าวว่า จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายวันสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น และยะลา อย่างไรก็ตามในทุกจังหวัดมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง ส่วนจำนวนผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-2 ธ.ค.64 เพิ่มขึ้น 527,092 โดส รวมสะสม 94,280,248 โดส แบ่งเป็นวัคซีนเข็มแรก 48,732,951 โดส เข็มที่สอง 41,979,486 โดส และเข็มที่สาม 3,567,811 โดส พร้อมเร่งระดมฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ให้ฉีดให้ได้ครอบคลุม 80% เนื่องจากไทยเปิดประเทศ และเชื้อโรคพัฒนาสายพันธุ์มากขึ้น
พญ.สุมนี กล่าวถึงมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ว่า ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยที่มาจากทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะ 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้เหลือที่อยู่ในประเทศไทย 167 คน ขอให้มาตรวจ RT-PCR ซ้ำ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขติดตามตัวได้แล้วจำนวน 50 คน ยังเหลืออีก 133 คนที่ศบค.ยังพยายามติดตามอยู่ ทั้งการส่งไลน์ ทางแอปพลิเคชันหมอชนะ หรือโทรศัพท์ไปติดตาม ขณะเดียวกันให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประสานไปยังโรงแรมที่พักให้ช่วยติดตามตัวนักท่องเที่ยวเหล่านั้นด้วย ขณะที่กลุ่ม 2 เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ คือมาจากประเทศอื่นในทวีปแอฟริกา แต่ไม่ได้มาจาก 8 ประเทศเสี่ยง มีจำนวน 453 คน กลุ่มนี้ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ แต่ต้องดูอาการของตนเอง หากพบว่ามีอาการจึงจะไปตรวจ RT-PCR
“สำหรับประเทศที่พบการแพร่ระบาดโควิด สายพันธุ์โอไมครอน ล่าสุดพบใน 39 ประเทศ โดยทวีปแอฟริกา พบเพิ่มในประเทศกานา ส่วนทวีปเอเชีย พบในยูเออี ซาอุดิอาระเบีย และอินเดีย ทวีปยุโรป พบเพิ่มที่นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ และในทวีปอเมริกา พบแล้วในสหรัฐฯ ซึ่งทั้งหมดพบจากการนำเข้ามาในประเทศ ยังไม่พบการระบาดจากภายในประเทศ” พญ.สุมนี กล่าว
พญ.สุมนี กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.เช้าวันนี้ (3 ธ.ค.) ยังเน้นย้ำให้กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มมีโรคประจำตัวเร่งมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องให้ได้ครอบคลุม 80% และขอให้เร่งฉีดวัคซีนให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดนำร่องสีฟ้า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือการเตรียมความพร้อมรับการเปิดประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพ เชียงใหม่ บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี และจังหวัดเลย ซึ่งทุกกิจการและกิจกรรมต้องเตรียมพร้อมยกระดับตามมาตรฐาน SHA ,SHA+ และ Covid Free Setting ด้วย
“ที่น่ายินดีคือหลังเทศกาลลอยกระทงผ่านไป 2 อาทิตย์แล้ว ทางกรมควบคุมโรค ยังไม่ได้รายงานว่ามีการติดเชื้อโควิดจากเทศกาลลอยกระทงเลย ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ปฏิบัติตัวตามมาตรการสธ.อย่างเคร่งครัด และช่วงเดือนนี้เข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวทั่วทุกภาค มีนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศและคนไทย” พญ.สุมนี กล่าว
พญ.สุมนี กล่าวว่า ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ตั้งแต่เจ้าของกิจการและผู้ประกอบการเปิดกิจการภายใต้ความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงขอให้ประชาชนเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัวขั้นสูงสุดส่วนบุคคล ขอให้ทุกคนไปรับวัคซีนให้มากที่สุดและรับให้ครบโดส ก็จะช่วยลดการติดเชื้อ และลดการสูญเสียชีวิตได้ ซึ่งจะทำให้การเฉลิมฉลองปีใหม่ 2564 นี้ จะได้มีความสุขกันทุกคน.-สำนักข่าวไทย