กรุงเทพฯ 23 พ.ย.- ผู้ประกอบการสตาร์ทอัปนวัตกรรมอาหารหลายรายจากอิสราเอลมาจัดโรดโชว์ในประเทศไทย หวังกระชับความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาหารหรือฟูดเทค
สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยนำสตาร์ทอัปฟูดเทคจากอิสราเอลมาจัดโรดโชว์ในไทย เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ร่วมงานทั้งจากบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของไทย รวมถึงนักลงทุนและผู้สนใจ
ฟูดเทค ถือเป็นอุตสาหกรรมอนาคตไกล และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มโลก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 280 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของจีดีพีโลก อิสราเอลจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศด้านฟูดเทคเป็นเลิศระดับชั้นนำของโลก โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากความต้องการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร
ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเผยว่า ความมั่นคงด้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญของอิสราเอลอย่างยิ่ง เพราะมีที่ตั้งในทะเลทราย ไม่มีอาหารและน้ำมากพอที่จะเลี้ยงประชากรได้ จึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมากในการผลิตอาหาร และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ก็อยากจะร่วมมือกับนานาประเทศ โดย 1 ในเป้าหมายคือ ประเทศไทย
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยกล่าวว่า อิสราเอลมองว่า ไทยเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้นอย่างเอเชีย ช่วงหลายปีมานี้มีบริษัทไทยสนใจเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัปอิสราเอลหลายแห่ง และธุรกิจอิสราเอลก็สนใจเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัปไทยด้วยเช่นกัน
ด้าน ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน ผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของไทยให้ความเห็นว่า อยากให้ภาคอุตสาหกรรมมองข้ามเรื่องการเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เพราะการร่วมมือกันมีแต่จะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สตาร์ทอัปสร้างขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลมีส่วนช่วยอย่างมากเรื่องการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัป แต่จะดียิ่งขึ้นหากสนับสนุนเรื่องของการหาคนเก่งมาร่วมทำงาน เพราะหากจะเติบโตด้วยตัวเองต้องใช้เวลา ถ้าหากหาคนเก่งจากต่างประเทศมาช่วยจะทำให้เติบโตได้เร็วขึ้น
หากอุตสาหกรรมฟูดเทคของไทย มีระบบนิเวศสตาร์ทอัปที่เข้มแข็ง ด้วยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ เอกชนและภาคอุตสาหกรรม จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ฟูดเทคของไทย มีความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกได้.-814.-สำนักข่าวไทย