“สุรเดช” แนะใช้เทคโนโลยีจากออสเตรเลียช่วยเก็บทุ่นระเบิดแนวชายแดน

กทม. 9 ส.ค.-“สุรเดช” แสดงความเสียใจ 3 นายทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำอีก ร้องรัฐบาลอย่าเอาชีวิตทหารแขวนบนเส้นด้าย แนะนำเทคโนโลยีทันสมัยจากออสเตรเลียมาช่วยเก็บทุ่นระเบิดแนวชายแดน ยุฟ้องต่างประเทศให้เห็นความไม่จริงใจของเขมร จี้อย่ายอมเจรจาหากไม่ร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงเจ้าหน้าที่ทหารเหยียบกับระเบิดที่บริเวณรอยต่อช่องโดเอาว์-กฤษณา จังหวัดศรีสะเกษเมื่อช่วงเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมาว่า ส่วนตัวตนต้องขอแสดงความเสียใจกับทหารทั้ง 3 นายที่เหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศให้สื่อสารไปยังประเทศต่างๆ ทั้งประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศตัวกลางในการประสานให้ไทยและกัมพูชาได้พูดคุยเพื่อทำข้อตกลงในการหยุดยิงกัน รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ในการทำข้อตกลง13 ข้อเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย นายสุรเดช กล่าวว่าข้อตกลง 13 ข้อแต่มี 2 ข้อที่ทางกัมพูชาไม่ยอมรับคือการร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในเรื่องของทุ่นระเบิดที่ยังคงฝังอยู่นั้น ในเมื่อเราไม่สามารถไว้วางใจกัมพูชาได้ เราก็ต้องมาเก็บกู้ของเราเองก่อน และในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างนี้เราควรจะต้องมีอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งในหลายประเทศก็มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย เท่าที่ตนติดตามข่าวประเทศที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในทางทหารเราก็มีสัมพันธ์ที่ดีกับทางออสเตรเลียอยู่แล้ว สถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยเราก็มีอยู่ ดังนั้นเราก็สามารถประสานกับทางสถานทูตได้เลย โดยอาจจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญของเขามาดูสถานที่พร้อมนำอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีตรวจจับทุ่นระเบิดมาแสดงให้เราดูก่อนก็ได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเป็นลักษณะเหมือนกับสนามแม่เหล็กที่สามารถจะเช็คสิ่งที่เป็นโลหะได้ว่า อยู่จุดไหนและพื้นที่ไหนที่มีทุ่นแม่เหล็กอยู่จำนวนมากหรือน้อย นอกจากนี้ยังมีวิธีการใช้โดรนเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ที่เป็นภูเขาที่จำเป็นต้องใช้โดนเข้าไปตรวจสอบด้วย ตนคิดว่า เราต้องรีบทำเพราะไม่เช่นนั้นทหารเราจะอันตราย “เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตคน ชีวิตทหาร เครื่องไม้เครื่องมือที่เรามีอยู่ในปัจจุบันอาจจะยังไม่ทันสมัยพอ ผมจึงอยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะเราไม่สามารถที่จะเอาชีวิตทหารไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ ได้อีกแล้ว เราต้องระมัดระวังความปลอดภัยให้กับทหารของเรา ด้วยการมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยด้วย” […]

จีนใช้หุ่นยนต์ย้ายอาคารทั้งหลังในเซี่ยงไฮ้

เซี่ยงไฮ้ 6 มิ.ย. – จีนใช้หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายตึกทั้งหลังในนครเซี่ยงไฮ้ จีนเคลื่อนย้ายกลุ่มอาคารหลายหลังในนครเซี่ยงไฮ้ ด้วยหุ่นยนต์ขนาดเล็กกว่า 400 ตัว ที่ยกอาคารทั้งหลังขึ้นสูงจากพื้นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้าทีละนิด กลุ่มอาคารที่ถูกเคลื่อนย้ายนี้ เป็นอาคารเก่าแก่ของเซี่ยงไฮ้ที่เรียกว่า ‘ซือคู่เหมิน’ เป็นอาคารที่มีอายุกว่า 100 ปี สร้างตั้งแต่ปี 1920 ผสมผสานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งแบบ ตะวันตกและแบบจีนเข้าไว้ด้วยกัน กลุ่มอาคารทั้งหมดที่ถูกเคลื่อนย้ายนี้ครอบคลุมพื้นที่ 4,030 ตารางเมตร มีน้ำหนักรวมกัน 7,500 ตัน เริ่มการเคลื่อนย้ายมาตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยตัวอาคารที่หนัก ทำให้หุ่นยนต์ต้องค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้อาคารได้รับความเสียหาย ในแต่ละวันสามารถเคลื่อนย้ายอาคารได้วันละ 10 เมตรเท่านั้น สาเหตุที่ต้องย้ายอาคารกลุ่มนี้ไปไว้ตรงจุดอื่น เพราะบริษัทเจ้าของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีแผนจะก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่ใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารให้เป็นสถานที่ชอปปิ้งใต้ดิน จึงต้องเคลื่อนย้ายกลุ่มอาคารซือคู่เหมินไปวางไว้ตรงพื้นที่ข้างๆ ซึ่งในตอนนี้ การก่อสร้างสถานที่ชอปปิ้งใต้ดินแล้วเสร็จสมบูรณ์ จึงย้ายกลุ่มอาคารซือคู่เหมิน กลับมาไว้ที่เดิม ซึ่งตอนนี้ การเคลื่อนย้ายก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่อาคารไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างอย่างหนึ่ง ที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้น.-815.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เยือนเวียดนามวันแรก เดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ

เวียดนาม 15 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและเทคโนโลยี.-สำนักข่าวไทย

ครม. อนุมัติ G-token นำเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์

ทำเนียบ 13 พ.ค.- นายกฯ เผย ครม. อนุมัติ G-token ตามที่ ก.คลัง เสนอ โดยนำเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์เป็นเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ มุ่งขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมดิจิทัล พร้อมอนุมัติร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา ปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการอนุมัติวิธีการกู้เงินด้วยการออก token digital ของรัฐบาล หรือ G-token ตามมาตรา 10 วรรค 1 แห่งพ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสและส่งเสริมการเข้าถึงการลงทุนที่มีคุณภาพให้กับประชาชน ด้วยการผลักดัน token digital ของรัฐบาลให้เป็นเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ การออก G-token ดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบดิจิทัล และช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมดิจิทัลในอนาคต โดยรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องของระบบและกระบวนการที่มีความปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ขณะเดียวกัน ที่ประชุมครม.ยังได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังเสนอ ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กและขนาดกลาง ตามนโยบายการสร้างโอกาสและต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม […]

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นหลัง ‘ทรัมป์’ เว้นเก็บภาษี

หุ้นของบริษัทด้านเทคโนโลยีในเอเชีย ที่เป็นซัพพลายเออร์สำคัญให้กับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น แอปเปิล ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปิดตลาดซื้อชายในวันนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศยกเว้นเก็บภาษีสินค้าประเภทสมาร์ทโฟน

เร่งช่วยเหลือผู้รอดชีวิตตึก สตง.ถล่ม

เกาะติดความพยายามช่วยเหลือผู้สูญหายจากอาคาร สตง. ถล่มลงมาระหว่างก่อสร้างจากเหตุแผ่นดินไหว หลายหน่วยงานระดมเทคโนโลยีเข้าช่วยค้นหา

เกาหลีใต้ยังสงสัยเทคโนโลยีโดรนเอไอเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า กำลังอยู่ระหว่างการติดตามและประเมินประสิทธิภาพของอากาศยานเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้าของเกาหลีเหนือ

หลากประเด็นน่าจับตาใน ‘ประชุมสองสภา’ ของจีน

“การประชุมสองสภา” ซึ่งเป็นการประชุมทางการเมืองระดับชาติที่สำคัญของจีนที่จะกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศ มีกำหนดเริ่มจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์นี้ ท่ามกลางฉากหลังของสภาพแวดล้อมอันสลับซับซ้อน

Chinese leaders in China's symposium on private enterprises

วิเคราะห์ผู้นำจีนประชุมกับผู้นำธุรกิจ

ปักกิ่ง 18 ก.พ.- นักวิเคราะห์มองการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเป็นประธานการประชุมกับผู้นำภาคธุรกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเมื่อวานนี้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจเหล่านี้ว่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ นายนีล โทมัส นักวิจัยเรื่องการเมืองจีนของ Asia Society Policy Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานวิชาการด้านเอเชียให้ความเห็นว่า การที่ผู้ประกอบการเรียงหน้ามาร่วมการประชุมสัมมนาเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งสะท้อนว่า ประธานาธิบดีสีให้ความสำคัญกับภาคเอกชนว่าจะสนับสนุนเป้าหมายของเขาที่ต้องการให้จีนสามารถพึ่งพาตนเองในเรื่องเทคโนโลยีและมีความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน นายอัลเฟรโด มอนทูฟาร์-เฮลู หัวหน้าศูนย์จีนของ The Conference Board ซึ่งเป็นองค์กรของหน่วยงานวิชาการและภาคธุรกิจระดับโลกมองว่า ความคิดความอ่านของคณะผู้นำจีนได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่คณะผู้นำจีนได้ตระหนักแล้วว่า บริษัทเทคโนโลยีจีนช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตมากกว่าที่พวกเขาคิด รอยเตอร์ระบุว่า ประธานาธิบดีสีเคยเป็นประธานการประชุมสัมมนาภาคธุรกิจครั้งแรกในปี 2561 ครั้งนั้นผู้บริหารที่นั่งแถวหน้าส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก โดยมาจากหลากหลายธุรกิจ และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนยังเฟื่องฟู ขณะที่ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่เลวร้ายเช่นในปัจจุบัน ครั้งนี้ประธานาธิบดีสีขอให้มหาเศรษฐีเหล่านี้แสดงพรสวรรค์ออกมา โดยขอให้เชื่อมั่นในรูปแบบและตลาดของจีน พร้อมกับรับปากว่าจะให้ภาคธุรกิจแข่งขันกับวิสาหกิจของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน รอยเตอร์ชี้ด้วยว่า ที่นั่งของผู้บริหารจีนในการประชุมสำคัญเช่นนี้เป็นสิ่งบ่งบอกถึงสถานภาพของแต่ละบริษัท นายเริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย เทคโนโลยี และนายหวัง ฉวนฝู ผู้ก่อตั้งบีวายดี บริษัทยานยนต์ไฟฟ้า เป็นผู้บริหาร 2 คนที่นั่งตรงข้ามกับประธานาธิบดีสี […]

จีนใช้ดาวเทียมช่วยงานกู้ภัยเหตุแผ่นดินไหวในทิเบต

จีนใช้งานดาวเทียมสำรวจข้อมูลระยะไกลจำนวนหลายดวง เพื่อจับภาพพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเขตปกครองตนเองทิเบต

บริษัทในอุตสาหกรรมหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลในจีนทะลุ 4.5 ล้านแห่ง

ศูนย์บริการข้อมูลองค์กรแห่งประเทศจีนรายงานในวันจันทร์ว่า จำนวนบริษัทผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนสูงเกิน 4.57 ล้านแห่ง

participants in Israel foodtech roadshow

อิสราเอลโชว์นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

กรุงเทพฯ 23 พ.ย.- ผู้ประกอบการสตาร์ทอัปนวัตกรรมอาหารหลายรายจากอิสราเอลมาจัดโรดโชว์ในประเทศไทย หวังกระชับความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาหารหรือฟูดเทค สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยนำสตาร์ทอัปฟูดเทคจากอิสราเอลมาจัดโรดโชว์ในไทย เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ร่วมงานทั้งจากบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของไทย รวมถึงนักลงทุนและผู้สนใจ ฟูดเทค ถือเป็นอุตสาหกรรมอนาคตไกล และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มโลก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 280 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของจีดีพีโลก อิสราเอลจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศด้านฟูดเทคเป็นเลิศระดับชั้นนำของโลก โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากความต้องการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเผยว่า ความมั่นคงด้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญของอิสราเอลอย่างยิ่ง เพราะมีที่ตั้งในทะเลทราย ไม่มีอาหารและน้ำมากพอที่จะเลี้ยงประชากรได้ จึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมากในการผลิตอาหาร   และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ก็อยากจะร่วมมือกับนานาประเทศ โดย 1 ในเป้าหมายคือ ประเทศไทย  เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยกล่าวว่า อิสราเอลมองว่า ไทยเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้นอย่างเอเชีย ช่วงหลายปีมานี้มีบริษัทไทยสนใจเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัปอิสราเอลหลายแห่ง และธุรกิจอิสราเอลก็สนใจเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัปไทยด้วยเช่นกัน ด้าน ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน ผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของไทยให้ความเห็นว่า อยากให้ภาคอุตสาหกรรมมองข้ามเรื่องการเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เพราะการร่วมมือกันมีแต่จะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สตาร์ทอัปสร้างขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลมีส่วนช่วยอย่างมากเรื่องการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัป […]

1 2 3 15
...