ศบค.ประชุมกำหนดมาตรการช่วงสงกรานต์ 18 มี.ค.

ทำเนียบรัฐบาล 7 มี.ค.-ศบค.ยังพบคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง ห่วงเด็กปิดเทอม ให้สังเกตอาการหลังไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เตรียมประชุม ศบค.ใหญ่ 18 มี.ค.นี้ กำหนดมาตรการสงกรานต์ 


พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ผู้ช้วยรองโฆษกศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า วันนี้(7 มี.ค.) ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR 21,162 ราย ตรวจ ATK อีก 24,236 ราย รวม 45,398 ราย ถือว่าอยู่ในระดับทรงตัว จำนวนผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 102 ราย กำลังรักษา 230,459 ราย แยกรักษาที่บ้านและชุมชน 161,493 ราย ใน รพ. 68,996 ราย มีอาการหนัก 1,148 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 375 ราย นอกนั้นถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย 67,818 ราย เป็น 98.3% ซึ่งสามารถแยกกักรักษาที่บ้านหรือชุมชนได้ ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลคัดกรองคนอาการน้อยรักษาที่บ้าน เพื่อสงวนเตียงให้คนอาการปานกลางถึงหนัก

พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ถือว่ามีจำนวนสูงขึ้น จากการมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยวันนี้เสียชีวิตสูงสุดในการระบาดระลอกนี้ 65 ราย ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 49 รายต่อวัน ส่วนติดเชื้อรายวันที่เป็นขาขึ้นนั้น เป็นแบบทรง ๆ ไม่ได้กระฉูดมาก นอกจากนี้ ยังมีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังคือตามขอบแนวชายแดน คือ ตากและสระแก้ว ช่วง 2-3 วันมานี้ ตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาตามขอบชายแดนมากขึ้น ขอความร่วมมือคนในพื้นที่เป็นหูเป็นตา ขอให้ช่วยกันแจ้ง นำมาคัดกรองไม่ให้แพร่ระบาดเพิ่มขึ้น


พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับกทม. พบคลัสเตอร์ใหม่ เป็นคลัสเตอร์ก่อสร้างเขตคลองสามวา 5 เขต พบติดเชื้อสูงสุดคือ หลักสี่ 470 ราย, บางซื่อ 187 ราย หนองแขม 67 ราย วัฒนา 44 ราย และดินแดง 38 ราย ส่วนสถานการณ์เตียงทั่วประเทศ ครองเตียงรวม 57.8% การระบาดของโอมิครอนเน้นรักษาอาการปานกลางถึงหนักหรือเตียงเหลืองและแดง โดยเตียงเหลืองระดับ 2.1 อยู่ที่ 25.1% เตียงเหลืองระดับ 2.2 อยู่ที่ 15.1% เตียงแดง 25%

พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิต 65 ราย เป็นยอดสูงสุดในระลอกนี้ อายุเฉลี่ย 75 ปี มากกว่า 50 ปีถึง 91% และผู้เสียชีวิต 97% เป็นสูงอายุและมีโรคเรื้อรัง อยู่ในภาคใต้มากสุด 17 ราย กลาง 15 ราย อีสาน 12 ราย ปริมณฑล 8 ราย กทม. 7 ราย และเหนือ 6 ราย พบว่า 65% ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว 6% รับเข็มเดียว 18% รับ 2 เข็มเกิน 3 เดือน 3% รับเข็มสองไม่เกิน 3 เดือน และ 8% ได้ 3 เข็มไม่เกิน 2 สัปดาห์ โรคเรื้อรังของผู้เสียชีวิตที่พบบ่อย คือ มะเร็งระยะสุดท้าย โรคไตวายเรื้อรัง ภาวะติดเตียง และอ้วน อาจต้องไปศึกษาเพิ่มเติม เพราะพบในเสียชีวิตทุกวัน

“การวิเคราะห์จำนวนผู้เสียชีวิตรายวัน 15 ก.พ.-4 มี.ค. การระบาดของโอมิครอนเทียบเดลตา จำนวนเสียชีวิตน้อยกว่า ปัจจัยลดเสียชีวิตคือการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ประเทศที่รับเข็มกระตุ้น 60% คือ อังกฤษ เยอรมนี และเกาหลีใต้ ทำให้การเสียชีวิตน้อย สอดคล้องกับข้อมูลของกรมควบคุมโรค คือ การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเสียชีวิตน้อยกว่าคนนับ 2 เข็ม 7 เท่า ลดการเสียชีวิต 41 เท่าเทียบกับคนไม่ได้รับวัคซีนเลย ซึ่งยังมีในไทย 2 ล้านกว่าราย” พญ.สุมนี กล่าว


พญ.สุมนี กล่าวว่า ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ขอความร่วมมือบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือป่วยเรื้อรังและเด็กเล็ก ให้มารับวัคซีนทุกเข็มให้มากขึ้น เพราะช่วงสงกรานต์มีกิจกรรมร่วมกันค่อนข้างมาก และเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งหยุดสงกรานต์มีหลายวันอย่างน้อย 5 วัน โดยวันนี้กรมอนามัยเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโรคเทศกาลสงกรานต์ โดยประเด็นสำคัญคือ วันหยุดยาวต้องประเมินความเสี่ยงติดโควิดจากกิจกรรมใดบ้าง คือ เดินทางกลับภูมิลำเนา การรวมตัวญาติพี่ร้อง พบปะสังสรรค์ รับประทานอาหารร่วมกัน กิจกรรมร่วมกัน รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สาดน้ำปะแป้ง กิจกรรมรื่นเริงต่าง ๆ

“สถานที่ต้องเฝ้าระวังคือ ขนส่งสาธารณะ สถานีขนส่งทั้งเครื่องบิน รถโดยสาร รถตู้ รถประจำทาง ปั๊มน้ำมันทุกจุด จุดพักรถ สถานที่เสี่ยงสำคัญคือบ้าน ร้านอาหาร ศาสนสถาน สถานที่ทำกิจกรรมร่วมกัน สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ แต่ช่วงสงกรานต์ก็ไม่ได้งดจัดหรือห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ต้องอยู่ใต้มาตรการความปลอดภัย คือ VUCA ได้แก่ V วัคซีน คนเดินทางกลับต่างจังหวัดต้องรับให้ครบ หากรับ 2 เข็มเกิน 3 เดือนให้มารับเข็มสาม รวมถึงคนที่อยู่ในบ้านในพื้นที่ U ป้องกันตนเองส่วนบุคคลสูงสุดตลอดเวลา ทั้งเดินทาง ร่วมกิจกรรม C COVID Free Setting สถานที่จัดงานทำตามมาตรการ มีการคัดกรองประเมินความเสี่ยง และ A มีการสุ่มตรวจ ATK ทั้งก่อนเดินทางไปและหลังเดินทางเพื่อความปลอดภัยในการทำกิจกรรมช่วงสงกรานต์” พญ.สุมนี กล่าว

พญ.สุมนี กล่าวว่า  ส่วนการพิจารณามาตรการช่วงสงกรานต์ มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะประชุมศบค.ชุดใหญ่ 18 มี.ค.นี้ โดยเรื่องมาตรการช่วงเทศกาลสงกรานต์จะพิจารณาจาก 6 หน่วยงาน คือกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงวัฒนธรรม

พญ.สุมนี กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับกลุ่มเด็กที่เริ่มปิดเทอมมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่เด็กไปรวมตัวกันทำกิจกรรมต่าง ๆ สถานที่เสี่ยงหนึ่ง คือ การเล่นเกม และตู้เกม ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองต้องช่วยไปดูสถานที่ปิด มีความแออัดของเด็กไปเล่นเกมหรือไม่ เพราะจะเสี่ยงแพร่ระบาดของโรคง่ายขึ้น ประกอบกับเด็กเล็กยังไม่ฉีดวัคซีน มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโอกาสติดโรคมากขึ้น “เด็กเล็กมีรายงานติดโควิดทุกวัน พอไม่มีภูมิก็มีอาการมากกว่าผู้ใหญ่ เช่น ไข้สูง ทานอาหารไม่ได้ เพระาฉะนั้น บ้านไหนมีบุตรหลานอายุ 5-11 ปี ยังไม่ได้ฉีดวัควีน ช่วยกันพาเด็กไปฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน  ขอให้ ใช้มาตรการที่ว่าหลังเด็กไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ให้พยายามสังเกตอาการทางเดินหายใจด้วย ว่ามีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก คัดจมูก หรือมีไข้หรือไม่ ถ้ามีให้สงสัยว่าติดเชื้อหรือไม่ สุ่มตรวจด้วย ATK ทันที” พญ.สุมนี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย