กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – อธิบดีกรมชลประทานสั่งการให้ทุกโครงการชลประทานในภาคใต้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคใต้ หลังเริ่มมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามนโยบายของ กอนช.
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า สั่งการไปยังโครงการชลประทานทุกแห่ง และสำนักเครื่องจักรกลให้ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำภาคใต้ ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เนื่องจากนั้น กอนช. คาดการณ์ปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศและทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า อิทธิพลของลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เฝ้าระวังได้ระหว่างวันที่ 3 – 6 พฤศจิกายน
นอกจากนี้ยังสั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรใน 24 ชั่วโมงและบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่างๆ พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งให้พิจารณาบริหารจัดการเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำเพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ-แม่น้ำไว้รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทาน อ่างเก็บน้ำ และอาคารบังคับน้ำ รวมไปถึงแนวกั้นบริเวณริมแม่น้ำ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงทันต่อเหตุการณ์ อีกทั้งให้เตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที ในกรณีเกิดสถานการณ์ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 หรือ ติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้านได้ตลอดเวลา.- สำนักข่าวไทย