“ปานเทพ” ชี้ “ทนายตั้ม” ดิ้นยากเปลี่ยนคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง

ม.ธรรมศาสตร์​ 24 พ.ย. – “ปานเทพ” ชี้ “ทนายตั้ม” ดิ้นยากเปลี่ยนคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง ท้าแน่จริงรับสารภาพ​ เผยผู้กำกับ สน.บางซื่อ ส่อแววโดนด้วยหากละเว้นปฏิบัติหน้าที่


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต​ กล่าวถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา​ เบี้ยบังเกิด​ หรือทนายตั้ม​ ว่าเชื่อว่าขณะนี้ทนายตั้มประเมินสถานการณ์ไม่ถูก แม้จะมีทนายเข้าไปรายงานสถานการณ์ แต่ก็ไม่เหมือนกับคนที่อยู่ข้างนอก อาจประเมินเข้าข้างตัวเองว่ามีประเด็นที่จะสามารถต่อสู้ได้ และหากดูจากน้ำเสียงของทนายสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ทนายที่อยู่รอบข้างทนายตั้มก็ประเมินสถานการณ์ว่า หากยังคงเดินหน้าประเด็นที่ว่าได้รับเงิน 71 ล้านบาทมาโดยเสน่หา จะไม่สามารถสู้คดีได้ ดังนั้น ทนายสายหยุดจึงคิดจะแปลงเป็นคดีแพ่ง แล้วให้มีการคืนเงินแทน ทำให้ทนายสายหยุดกับทนายตั้ม อาจมีความคิดไม่เหมือนกัน แล้วจะเห็นว่าทนายสายหยุดเป็นคนที่มีคุณธรรม และหวังว่าจะยืนหยัดในทางที่ถูกต้อง ให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับทนายตั้ม แต่ขึ้นอยู่กับว่าทนายตั้มจะไว้วางใจทนายสายหยุดแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานทนายความ ของทนายตั้ม ให้น้ำหนักนายอาคม คงสวัสดิ์ หรือทนายอาคม มากกว่าทนายสายหยุด​ แต่เนื่องจากมีเรื่องบาดหมางกัน ทำให้ทนายอาคมไม่ได้ทำคดีให้ แต่วันนี้ตนเชื่อว่าทนายที่อยู่รอบข้างทนายตั้มประเมินสถานการณ์ถูกว่าขณะนี้ทนายตั้มเสียเปรียบ​ และการจะลดความเสียเปรียบได้ดีที่สุดคือการสารภาพ แล้วคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้ อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง นายปานเทพ กล่าวว่า​ ตอนนี้ถือว่ายากแล้ว เพราะการที่ทนายตั้มเตรียมสัญญาไว้ตั้งแต่ต้น สะท้อนให้เห็นว่ามีการคิดวางแผนโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ฟอกความผิดให้ตัวเองหลังกระทำผิด และน่าเสียดายที่ประเมินสถานการณ์ต่ำไป เพราะแชทข้อความทั้งหมดถูกส่งไฟล์ที่ถูกต้องไปให้กับคู่กรณี​ ดังนั้น คดีนี้จึงดิ้นยากมากที่จะเปลี่ยนจากคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง เพราะตอนนี้เป็นคดีฉ้อโกงแน่นอน


“ทั้งวิธีการของทนายตั้ม และการจะทำสัญญาแบบไม่ให้เซ็นสัญญาทุกหน้าไว้ล่วงหน้า ระดับสอบเนติบัณฑิตได้แต่กลับมาทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาแต่แรกที่จะเอาเงินคู่กรณี ไม่ได้ใช้ความคิดในการลงทุนอะไร ยิ่งได้เงินมาแล้วนำไปซื้อบ้าน ยิ่งถือว่าไม่มีเหตุผล วันแรกที่ได้เงินมากลับนำไปใช้สอยอย่างมโหฬาร หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ไปซื้อบ้านด้วยเงินสด ดังนั้น โอกาสที่จะแก้ให้เป็นคดีแพ่งถือว่ายากมาก” นายปานเทพ​ กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ทนายตั้มยังมีหลักฐานเด็ด นายปานเทพ กล่าวว่า หากมีหลักฐานเด็ดและเป็นหมัดน็อกได้จริงไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้เลยที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ รวมถึงภรรยา และคดีที่เพิ่มเป็นคดีฟอกเงิน มีการอายัดทรัพย์และไม่ได้รับการประกันตัว ถ้ามีเด็ดจริงคงโชว์ไปนานแล้ว แสดงว่าสิ่งที่มีในมือน้ำหนักไม่เพียงพอ และตนเชื่อว่าคงไม่มีหมัดเด็ดจริง

นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทนายตั้มนำ GPS ไปติดรถของมาดามอ้อย ว่า GPS เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยเทคโนโลยี แต่เรื่องติดมีสาระสำคัญน้อยกว่าเรื่องใครเป็นคนลงทะเบียน ในสัญญาเป็นชื่อใคร ส่วนที่ทนายตั้มอ้างว่าไม่มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไว้ในโทรศัพท์มือถือ นายปานเทพ ย้อนถามกลับว่าไหนว่าโทรศัพท์หาย แล้วเหตุใดอ้างว่าไม่มีการดาวน์โหลด ส่วนประเด็นถัดไปคือชื่อที่ปรากฏและไม่สามารถเปลี่ยนได้ เข้าไปส่องดูพิกัด เป็นชื่อของภรรยาทนายตั้ม ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะถกเถียงด้านวรรณกรรม


นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่อยากฝากอะไรไปถึงทนายตั้ม เพราะคิดว่าคงไม่ได้ยินในสิ่งที่ตนพูด ถึงมีคนไปสื่อสารแต่เชื่อว่าทนายตั้มมีอคติ ไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นเรื่องจริง หรืออาจจะถูกดัดแปลง แต่คนที่มีน้ำหนักที่ทนายตั้มต้องฟังคือทนายสายหยุดที่ต้องกล้าพูดความจริง ประเมินสถานการณ์จริงๆ ถ้าจะให้ตนให้คำแนะนำกับทนายสายหยุด ต้องไปบอกกับทนายตั้มว่าสถานการณ์ข้างนอกตอนนี้แย่มาก ถ้าแน่จริงรับสารภาพจะมีประโยชน์มากกว่า แต่หากไม่รับสารภาพและยืนยันจะต่อสู้ในแนวทางนี้ ทนายสายหยุดก็มีสิทธิที่จะถอนตัวได้

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากทนายตั้มยอมรับและขอโทษมาดามอ้อย จะเป็นคดีแพ่ง คืนเงินแล้วทุกอย่างจะจบนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า​ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นคดีอาญา เป็นคดีฉ้อโกง หลายกรรม เพราะทำหลายครั้ง โดยเฉพาะคดี 39 ล้านบาท ชัดเจนว่ามีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่แรก ถึงขนาดวางแผนให้ตัวเองอยู่ต่างประเทศเพื่อไม่ให้มีหลักฐานในวันที่ถอนเงินสด ตนเชื่อว่าเมื่อถึงศาล ศาลจะเข้าใจถึงพฤติการณ์ของคนที่เป็นนักกฎหมาย และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการอำพรางตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของผู้อื่น​ คนเชื่อว่าคนที่อยู่ในเรือนจำไม่มีทางรู้ข้อมูลเท่ากับคนนอกเรือนจำ โอกาสจะเบี่ยงคดีเป็นอย่างอื่นยากมาก​ หากทนายตั้มคิดได้ ตัดสินใจสารภาพประกาศคืนทรัพย์สินทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เชื่อว่าศาลจะลดโทษ เพราะการสำนึกผิด ยอมรับการกระทำผิด เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้โทษหนักกลายเป็นเบา​ และไม่แน่ใจว่าโทษที่เบาลงนั้น มาดามอ้อยจะเดินสุดทางต่อหรือไม่ ถ้าสำนึกอย่างแท้จริงเราก็ไม่สามารถตอบแทนมาดามอ้อยได้ แต่ถึงวันนี้ทนายตั้มไม่ได้ยอม เพราะยังใช้ช่วงทำนองเล่ห์เหลี่ยม ข่มโดยการใช้วาทกรรม​ ซึ่งต้องยอมรับในศาลอย่างเดียว​

เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่มีการไปแจ้งข้อหากรณี 39 ล้านบาท​ คิดว่าตำรวจยังมีข้อหาอื่นอีกหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ตำรวจชุดที่ทำคดีชุดนี้ทุ่มเททำคดีอย่างละเอียด การใช้เวลานานแต่ละคดีไม่ใช่ว่าหาหลักฐานไม่เจอ แต่รู้ว่ากำลังต่อสู้กับนักกฎหมายชื่อดังในประเทศไทย และมีเส้นสายจำนวนมาก ดังนั้น การนำไปสู่การแจ้งข้อหาต้องรัดกุมแบบไม่มีรอยรั่ว หรือหากจะมีต้องน้อยที่สุด จึงมองว่าตำรวจใช้เวลาเพื่อให้รัดกุมรอบคอบ​

นายปานเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้กำกับ สน.บางซื่อ ว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในการลงบันทึกประจำวัน อันนี้ข้อความเป็นเท็จ และใช้บันทึกที่มีข้อความเป็นเท็จไปใช้หลอกลวงผู้อื่นหรือไม่​ ถ้าสำเนาบัตรชื่อยังไม่ดำเนินการ ถ้า สน.บางซื่อ ไม่ดำเนินการ เชื่อว่าจะโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยให้มีการลงบันทึกประจำวันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และใช้เป็นหลักฐานเครื่องมือในการหลอกผู้อื่น ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก ดังนั้น การสอบสวนเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสมควรแก่เหตุ ผู้กำกับ สน. ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะคนที่ลงบันทึกประจำวัน ถ้าไม่อยู่ในขบวนการเดียวกันก็ต้องเอาผิดกับคนเหล่านี้

เมื่อถามว่าวันนี้ส่อแววผู้กำกับจะโดนด้วยหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า มีสิทธิที่จะโดนหากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ส่วนที่นายสายหยุดทนายความของทนายตั้มจะเข้าไปพบทนายตั้มในวันจันทร์นี้ หากแนวทางไม่ตรงกันมีโอกาสที่ไม่ทำคดีต่อหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนตัวยังเชื่อมั่นทนายสายหยุด​ เพราะทนายสายหยุดรู้ว่าหากต่อสู้แบบเดิมคงไม่ชนะ ตนยังเชื่อในความคิดอ่านของทนายสายหยุดว่ายังเป็นคนที่มีคุณธรรมอยู่ แล้วหวังว่าภายใต้มโนสำนึกของทนายสายหยุดที่รู้ผิดรู้ชอบ​ ต้องรู้ว่าสถานการณ์ทนายตั้มตอนนี้เป็นคนดีหรือไม่ดี ทำที่หน้าของทนายสายหยุดน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของทนายตั้ม​ การที่จะไปพบวันจันทร์นี้จะเป็นตัวตัดสินใจว่าทนายสายหยุดจะช่วยทำคดีให้ทนายตั้มต่อไปหรือไม่ และตอนนี้ตนเห็นว่าทีม Adventure ที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ของทนายตั้มและยึดมั่นตามกฎหมาย ก็มีทิศทางเดียวกัน ประชาชนและสังคมก็เกือบจะเป็นฉันทานุมัติเดียวกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ ตอนนี้ตนเชื่อว่าทนายตั้มประเมินสถานการณ์ข้างนอกต่ำกว่าความเป็นจริง​ ส่วนเรื่องพินัยกรรม นายปานเทพ กล่าวว่า น่าจะเป็นพฤติการณ์แวดล้อมประกอบสำนวน ตรงนี้จะเป็นดัชนีชี้วัดองค์ประกอบเข้าฐานความผิด

เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า จะรอให้ทนายสายหยุดพูดวันจันทร์ก่อน ถ้ามีสิ่งใดที่จำเป็นต้องพูดก็จะมีการพูดอีกครั้ง.-319​-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]