“ปานเทพ” ชี้ “ทนายตั้ม” ดิ้นยากเปลี่ยนคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง

ม.ธรรมศาสตร์​ 24 พ.ย. – “ปานเทพ” ชี้ “ทนายตั้ม” ดิ้นยากเปลี่ยนคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง ท้าแน่จริงรับสารภาพ​ เผยผู้กำกับ สน.บางซื่อ ส่อแววโดนด้วยหากละเว้นปฏิบัติหน้าที่


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต​ กล่าวถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา​ เบี้ยบังเกิด​ หรือทนายตั้ม​ ว่าเชื่อว่าขณะนี้ทนายตั้มประเมินสถานการณ์ไม่ถูก แม้จะมีทนายเข้าไปรายงานสถานการณ์ แต่ก็ไม่เหมือนกับคนที่อยู่ข้างนอก อาจประเมินเข้าข้างตัวเองว่ามีประเด็นที่จะสามารถต่อสู้ได้ และหากดูจากน้ำเสียงของทนายสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ทนายที่อยู่รอบข้างทนายตั้มก็ประเมินสถานการณ์ว่า หากยังคงเดินหน้าประเด็นที่ว่าได้รับเงิน 71 ล้านบาทมาโดยเสน่หา จะไม่สามารถสู้คดีได้ ดังนั้น ทนายสายหยุดจึงคิดจะแปลงเป็นคดีแพ่ง แล้วให้มีการคืนเงินแทน ทำให้ทนายสายหยุดกับทนายตั้ม อาจมีความคิดไม่เหมือนกัน แล้วจะเห็นว่าทนายสายหยุดเป็นคนที่มีคุณธรรม และหวังว่าจะยืนหยัดในทางที่ถูกต้อง ให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับทนายตั้ม แต่ขึ้นอยู่กับว่าทนายตั้มจะไว้วางใจทนายสายหยุดแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานทนายความ ของทนายตั้ม ให้น้ำหนักนายอาคม คงสวัสดิ์ หรือทนายอาคม มากกว่าทนายสายหยุด​ แต่เนื่องจากมีเรื่องบาดหมางกัน ทำให้ทนายอาคมไม่ได้ทำคดีให้ แต่วันนี้ตนเชื่อว่าทนายที่อยู่รอบข้างทนายตั้มประเมินสถานการณ์ถูกว่าขณะนี้ทนายตั้มเสียเปรียบ​ และการจะลดความเสียเปรียบได้ดีที่สุดคือการสารภาพ แล้วคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้ อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง นายปานเทพ กล่าวว่า​ ตอนนี้ถือว่ายากแล้ว เพราะการที่ทนายตั้มเตรียมสัญญาไว้ตั้งแต่ต้น สะท้อนให้เห็นว่ามีการคิดวางแผนโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ฟอกความผิดให้ตัวเองหลังกระทำผิด และน่าเสียดายที่ประเมินสถานการณ์ต่ำไป เพราะแชทข้อความทั้งหมดถูกส่งไฟล์ที่ถูกต้องไปให้กับคู่กรณี​ ดังนั้น คดีนี้จึงดิ้นยากมากที่จะเปลี่ยนจากคดีฉ้อโกงเป็นคดีแพ่ง เพราะตอนนี้เป็นคดีฉ้อโกงแน่นอน


“ทั้งวิธีการของทนายตั้ม และการจะทำสัญญาแบบไม่ให้เซ็นสัญญาทุกหน้าไว้ล่วงหน้า ระดับสอบเนติบัณฑิตได้แต่กลับมาทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาแต่แรกที่จะเอาเงินคู่กรณี ไม่ได้ใช้ความคิดในการลงทุนอะไร ยิ่งได้เงินมาแล้วนำไปซื้อบ้าน ยิ่งถือว่าไม่มีเหตุผล วันแรกที่ได้เงินมากลับนำไปใช้สอยอย่างมโหฬาร หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ไปซื้อบ้านด้วยเงินสด ดังนั้น โอกาสที่จะแก้ให้เป็นคดีแพ่งถือว่ายากมาก” นายปานเทพ​ กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ทนายตั้มยังมีหลักฐานเด็ด นายปานเทพ กล่าวว่า หากมีหลักฐานเด็ดและเป็นหมัดน็อกได้จริงไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้เลยที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ รวมถึงภรรยา และคดีที่เพิ่มเป็นคดีฟอกเงิน มีการอายัดทรัพย์และไม่ได้รับการประกันตัว ถ้ามีเด็ดจริงคงโชว์ไปนานแล้ว แสดงว่าสิ่งที่มีในมือน้ำหนักไม่เพียงพอ และตนเชื่อว่าคงไม่มีหมัดเด็ดจริง

นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทนายตั้มนำ GPS ไปติดรถของมาดามอ้อย ว่า GPS เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยเทคโนโลยี แต่เรื่องติดมีสาระสำคัญน้อยกว่าเรื่องใครเป็นคนลงทะเบียน ในสัญญาเป็นชื่อใคร ส่วนที่ทนายตั้มอ้างว่าไม่มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไว้ในโทรศัพท์มือถือ นายปานเทพ ย้อนถามกลับว่าไหนว่าโทรศัพท์หาย แล้วเหตุใดอ้างว่าไม่มีการดาวน์โหลด ส่วนประเด็นถัดไปคือชื่อที่ปรากฏและไม่สามารถเปลี่ยนได้ เข้าไปส่องดูพิกัด เป็นชื่อของภรรยาทนายตั้ม ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะถกเถียงด้านวรรณกรรม


นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่อยากฝากอะไรไปถึงทนายตั้ม เพราะคิดว่าคงไม่ได้ยินในสิ่งที่ตนพูด ถึงมีคนไปสื่อสารแต่เชื่อว่าทนายตั้มมีอคติ ไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นเรื่องจริง หรืออาจจะถูกดัดแปลง แต่คนที่มีน้ำหนักที่ทนายตั้มต้องฟังคือทนายสายหยุดที่ต้องกล้าพูดความจริง ประเมินสถานการณ์จริงๆ ถ้าจะให้ตนให้คำแนะนำกับทนายสายหยุด ต้องไปบอกกับทนายตั้มว่าสถานการณ์ข้างนอกตอนนี้แย่มาก ถ้าแน่จริงรับสารภาพจะมีประโยชน์มากกว่า แต่หากไม่รับสารภาพและยืนยันจะต่อสู้ในแนวทางนี้ ทนายสายหยุดก็มีสิทธิที่จะถอนตัวได้

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากทนายตั้มยอมรับและขอโทษมาดามอ้อย จะเป็นคดีแพ่ง คืนเงินแล้วทุกอย่างจะจบนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า​ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นคดีอาญา เป็นคดีฉ้อโกง หลายกรรม เพราะทำหลายครั้ง โดยเฉพาะคดี 39 ล้านบาท ชัดเจนว่ามีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่แรก ถึงขนาดวางแผนให้ตัวเองอยู่ต่างประเทศเพื่อไม่ให้มีหลักฐานในวันที่ถอนเงินสด ตนเชื่อว่าเมื่อถึงศาล ศาลจะเข้าใจถึงพฤติการณ์ของคนที่เป็นนักกฎหมาย และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการอำพรางตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของผู้อื่น​ คนเชื่อว่าคนที่อยู่ในเรือนจำไม่มีทางรู้ข้อมูลเท่ากับคนนอกเรือนจำ โอกาสจะเบี่ยงคดีเป็นอย่างอื่นยากมาก​ หากทนายตั้มคิดได้ ตัดสินใจสารภาพประกาศคืนทรัพย์สินทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เชื่อว่าศาลจะลดโทษ เพราะการสำนึกผิด ยอมรับการกระทำผิด เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้โทษหนักกลายเป็นเบา​ และไม่แน่ใจว่าโทษที่เบาลงนั้น มาดามอ้อยจะเดินสุดทางต่อหรือไม่ ถ้าสำนึกอย่างแท้จริงเราก็ไม่สามารถตอบแทนมาดามอ้อยได้ แต่ถึงวันนี้ทนายตั้มไม่ได้ยอม เพราะยังใช้ช่วงทำนองเล่ห์เหลี่ยม ข่มโดยการใช้วาทกรรม​ ซึ่งต้องยอมรับในศาลอย่างเดียว​

เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่มีการไปแจ้งข้อหากรณี 39 ล้านบาท​ คิดว่าตำรวจยังมีข้อหาอื่นอีกหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ตำรวจชุดที่ทำคดีชุดนี้ทุ่มเททำคดีอย่างละเอียด การใช้เวลานานแต่ละคดีไม่ใช่ว่าหาหลักฐานไม่เจอ แต่รู้ว่ากำลังต่อสู้กับนักกฎหมายชื่อดังในประเทศไทย และมีเส้นสายจำนวนมาก ดังนั้น การนำไปสู่การแจ้งข้อหาต้องรัดกุมแบบไม่มีรอยรั่ว หรือหากจะมีต้องน้อยที่สุด จึงมองว่าตำรวจใช้เวลาเพื่อให้รัดกุมรอบคอบ​

นายปานเทพ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้กำกับ สน.บางซื่อ ว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในการลงบันทึกประจำวัน อันนี้ข้อความเป็นเท็จ และใช้บันทึกที่มีข้อความเป็นเท็จไปใช้หลอกลวงผู้อื่นหรือไม่​ ถ้าสำเนาบัตรชื่อยังไม่ดำเนินการ ถ้า สน.บางซื่อ ไม่ดำเนินการ เชื่อว่าจะโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยให้มีการลงบันทึกประจำวันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และใช้เป็นหลักฐานเครื่องมือในการหลอกผู้อื่น ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก ดังนั้น การสอบสวนเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสมควรแก่เหตุ ผู้กำกับ สน. ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะคนที่ลงบันทึกประจำวัน ถ้าไม่อยู่ในขบวนการเดียวกันก็ต้องเอาผิดกับคนเหล่านี้

เมื่อถามว่าวันนี้ส่อแววผู้กำกับจะโดนด้วยหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า มีสิทธิที่จะโดนหากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ส่วนที่นายสายหยุดทนายความของทนายตั้มจะเข้าไปพบทนายตั้มในวันจันทร์นี้ หากแนวทางไม่ตรงกันมีโอกาสที่ไม่ทำคดีต่อหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนตัวยังเชื่อมั่นทนายสายหยุด​ เพราะทนายสายหยุดรู้ว่าหากต่อสู้แบบเดิมคงไม่ชนะ ตนยังเชื่อในความคิดอ่านของทนายสายหยุดว่ายังเป็นคนที่มีคุณธรรมอยู่ แล้วหวังว่าภายใต้มโนสำนึกของทนายสายหยุดที่รู้ผิดรู้ชอบ​ ต้องรู้ว่าสถานการณ์ทนายตั้มตอนนี้เป็นคนดีหรือไม่ดี ทำที่หน้าของทนายสายหยุดน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของทนายตั้ม​ การที่จะไปพบวันจันทร์นี้จะเป็นตัวตัดสินใจว่าทนายสายหยุดจะช่วยทำคดีให้ทนายตั้มต่อไปหรือไม่ และตอนนี้ตนเห็นว่าทีม Adventure ที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ของทนายตั้มและยึดมั่นตามกฎหมาย ก็มีทิศทางเดียวกัน ประชาชนและสังคมก็เกือบจะเป็นฉันทานุมัติเดียวกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ ตอนนี้ตนเชื่อว่าทนายตั้มประเมินสถานการณ์ข้างนอกต่ำกว่าความเป็นจริง​ ส่วนเรื่องพินัยกรรม นายปานเทพ กล่าวว่า น่าจะเป็นพฤติการณ์แวดล้อมประกอบสำนวน ตรงนี้จะเป็นดัชนีชี้วัดองค์ประกอบเข้าฐานความผิด

เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า จะรอให้ทนายสายหยุดพูดวันจันทร์ก่อน ถ้ามีสิ่งใดที่จำเป็นต้องพูดก็จะมีการพูดอีกครั้ง.-319​-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

กกต. ออกหมายเรียกอีก 22 สว. แจงคดีฮั้ว สว.

กทม. 30 พ.ค.-หมายเรียก สว.ฮั้วลอต 5 ออกแล้ว คณะกรรมการสืบสวนฯ กกต. เรียกอีก 22 สว.แจง รวมเรียกทั้งหมด 127 คน มีรายงานแจ้งว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เรียกสมาชิกวุฒิสภา เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 22 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย 1.นางจุฑารัตน์ นิลเปรม 2.นางเจียระไน ตั้งกีรติ 3.นางมยุรี โพธิแสน 4.น.ส.จารุณี ฤกษ์ปราณี 5.น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ 6. นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ 7.นายธนภัทร ตวงวิไล 8.น.ส.ภาวนา ว่องอมรนิธิ 9.นายกัมพล สุภาแพ่ง 10.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 11.นายอัครวินท์ ขำขุด 12.นางธารณี ปรีดาสันติ์ 13.นางรจนา เพิ่มพูน 14.น.ส.ปุณณภา จินดาพงษ์ […]

ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาชายแดน

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาพิพาทชายแดน ยันทหาร 2 ฝ่ายถอนกำลังจากจุดปะทะช่องบกแล้ว วอนประชาชนรับฟังข้อมูลสื่อหลัก ขอเชื่อมั่นทหารปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว กองทัพบก ออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 1.ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยหรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ 2.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น […]

ทบ. จ่อออกแถลงการณ์ ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว คลี่คลายความตึงเครียด […]

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย