เร่งประสานอินเตอร์โพลขอหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ”

กรุงเทพฯ 24 พ.ย. – ตำรวจเตรียมออกหมายจับเครือข่าย “หมอบุญ” ฉ้อโกง ลอต 2 รวมทั้งเร่งประสานอินเตอร์โพล ออกหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ” กลับมาดำเนินคดี


ความคืบหน้าหลังศาลอาญาออกมาจับ นพ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี พร้อมอดีตภรรยา และบุตรสาว รวม 9 คน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจใน 5 โครงการต่างๆ เกี่ยวกับการแพทย์ โดยศาลอาญาออกหมายจับ นพ.บุญ 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาเช็คเด้ง หรือออกเช็คแล้วขึ้นกับธนาคารไม่ได้ ส่วนผู้ต้องหาร่วมขบวนการอีก 8 คน ถูกออกหมายจับ 2 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

คุมภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” สอบต่อ หลังพักการสอบเมื่อคืนนี้
เมื่อเช้านี้ที่ สน.พญาไท มีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังคงอยู่ในห้องคุมขัง มีความเครียด แต่ด้วยความเป็นแม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน ทำให้คลายกังวลช่วยเหลือกันได้บ้าง แต่ไม่สะดวกให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และไม่สะดวกให้ถ่ายภาพ เบื้องต้นเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำบุตรสาวหมอบุญเสร็จแล้ว แต่เมื่อคืนนี้มีการขอพัก และขอรับประทานยาโรคประจำตัวหลายครั้ง เนื่องจากอายุที่มาก จึงต้องพักการสอบไว้ก่อน และได้สอบปากคำเพิ่มเติมช่วงบ่ายที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น ก่อนพิจารณานำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ในเช้าวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้


ประสานอินเตอร์โพลขอออกหมายจับ “หมอบุญ”
สำหรับการติดตามตัวหมอบุญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศ ทำหนังสือไปยัง interpol หรือตำรวจสากล เพื่อขอออกหมายแดง ช่วยติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี อยู่ในขั้นตอนทางธุรการ และประสานงานไปยังตำรวจสากล ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าจีนกับไทย มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ตรวจสอบแล้วพบว่ามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงยังหมิ่นเหม่ว่าจะเข้าเงื่อนไขหรือไม่ และหากตำรวจสากลออกหมายแดงเรียบร้อยแล้ว และสืบหาตัวผู้ต้องหาได้ ก็จะทำหนังสือชี้แจง รวมถึงนำพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมถึงความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทางการจีน พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

จ่อหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 เครือข่าย “หมอบุญ”
ยืนยันว่ามีการออกหมายจับลอต 2 แน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะมุ่งเป้าไปที่ โบรกเกอร์ที่ชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนหรือกู้เงิน เพราะจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะหลงเชื่อโบรกเกอร์มากกว่า เพราะเป็นตัวแทนในการลงทุนซื้อขายหุ้นกันมาเป็นเวลานาน และถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเปอร์เซ็นต์หรือส่วนแบ่งจากการลงทุนกับหมอบุญ จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบในคดีดังกล่าว ส่วนจะมีจำนวนเท่าใดอยู่กับจำนวนของผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความและให้การพาดพิงไปถึงโบรกเกอร์ที่ชักชวน จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพราะเข้าข่ายความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นคดีอาญาที่สามารถดำเนินคดีได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทยอยนำ 3 ร่างผู้เสียชีวิตออกจากใต้ซากตึกถล่ม ส่งสถาบันนิติเวช

นำร่างผู้เสียชีวิต 3 ราย ออกจากใต้ซากอาคารถล่ม ทยอยเคลื่อนออกจากพื้นที่ ส่งสถาบันนิติเวชวิทยา ด้านตำรวจเตรียมดำเนินคดีชาวจีน 4 คน ขนเอกสารอ้างเคลมประกัน

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ช่วยผู้ที่ติดค้างใต้ซากตึกถล่ม

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างใต้ซากอาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ทุกภาคส่วนยังทำงานแข่งกับเวลาและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ล่าสุดมีรายงานพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบอาคาร สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบ หลังตึก สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดิน​ไหว​เพียงตึกเดียว​ คาดรู้ผลใน 7 วัน ยันไล่บี้ตั้งแต่แบบอาคารและการก่อสร้าง ชี้ทั้งบริษัทไทย-จีน​ ต้องรับผิดชอบเต็มร้อย ​ขณะทูตจีนพาผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบ

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหาย 18 จังหวัด

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 18 จังหวัด เฉพาะกรุงเทพฯ เสียชีวิต 9 ราย สูญหาย 79 ราย ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากอาคารถล่ม ขณะที่กรมบัญชีกลางขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 200 ล้านบาท