กรุงเทพฯ 13 ต.ค. – สธ.สำรวจความเสียหายสถานพยาบาล ดูแลไม่ให้กระทบบริการ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.จันทบุรี ตราด และปราจีนบุรี กำชับเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง สำรวจ ประเมินความเสียหายสถานพยาบาล และป้องกันไม่ให้กระทบกับการบริการประชาชน พร้อมมอบหน่วยงานสาธารณสุขจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันจากอิทธิพลของพายุ “คมปาซุ” ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ วันนี้ (13 ตุลาคม 2564) ได้รับรายงานว่า จ.จันทบุรี ตราด และปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมฉับพลัน สถานพยาบาลหลายแห่งได้รับความเสียหาย จึงมอบหมายให้ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำรวจ ประเมินความเสียหายของสถานพยาบาล และวางแนวทางป้องกันไม่ให้กระทบกับการให้บริการประชาชน พร้อมมอบหน่วยงานสาธารณสุขบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยติดเตียง อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมทั้งสั่งการให้กองสาธารณสุขฉุกเฉิน จัดส่งชุดยาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัย จำนวน 3,000 ชุด
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย อาทิ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี มีน้ำท่วมบริเวณโรงพยาบาล น้ำท่วมขังบริเวณด้านหน้าอาคารรักษาพยาบาลผู้ป่วย และเข้าห้องผ่าตัด ฝ้าเพดานถล่มชำรุด ยานพาหนะบางส่วนได้รับความเสียหาย น้ำท่วมระบบบำบัดน้ำเสียและบ้านพักบุคลากร/เจ้าหน้าที่ เบื้องต้นทำการย้ายผู้ที่ต้องการบ้านพักเข้ามาที่อาคารศูนย์แพทย์ในโรงพยาบาลชั่วคราวแล้ว, จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซม. ไหลเข้าท่วม รพ.สต.บ้านโคกอุดม และบ้านพักเจ้าหน้าที่ ขณะนี้น้ำเริ่มลดและสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ส่วน จ.ตราด มี 2 อำเภอที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.เมือง และ อ.เขาสมิง ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งการสัญจรและที่อยู่อาศัยกว่า 188 หลังคาเรือน. – สำนักข่าวไทย