กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – กรมชลประทานคาด น้ำแม่น้ำชีที่จะไหลมาสมทบกับแม่น้ำมูล จะหลากถึงจ. อุบลราชธานีวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งจะทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง จึงกำชับศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำชี-มูล (ส่วนหน้า) วางแผนบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพ โดยมั่นใจว่า ระดับน้ำจะกลับมาต่ำกว่าตลิ่งอีกประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากน้ำขึ้นสูงสุด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำชี-มูล (ส่วนหน้า) ประชุมเตรียมความพร้อมรับมือและกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล เพื่อให้สถานการณ์กลับมาปกติโดยเร็ว รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยขณะนี้ปริมาตรน้ำสูงสุดจากแม่น้ำชีอยู่บริเวณ จ.มหาสารคามจะไหลมาสมทบกับแม่น้ำมูลที่จ.อุบลราชธานี คาดการณ์ว่า จะหลากมาถึงสถานี M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตยแล้วทำให้ระดับน้ำขึ้นสูงสุดในวันที่ 23 ต.ค. จากนั้นจะกลับมาต่ำกว่าตลิ่งอีกประมาณ 1 สัปดาห์ หรือในวันที่ 31 ต.ค. นี้
ขณะนี้เดินเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำที่ติดตั้งไว้อย่างเต็มที่เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงแม่น้ำโขง เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่หลากมาถึง พร้อมกำชับให้เตรียมรับสถานการณ์ฝนที่จะเพิ่มขึ้นจากพายุ “คมปาซุ” ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศระบุว่า เป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง ขณะนี้อยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่า จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. พายุลูกนี้จะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แต่จะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าอิทธิพลของพายุ “ไลออนร็อก” ซึ่งอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและปกคลุมประเทศไทยตั้งแต่บ่ายวานนี้
นายประพิศกล่าวต่อว่า กำชับให้โครงการชลประทานเร่งสำรวจอาคารชลประทานเพื่อปรับปรุงให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพเนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน โดยย้ำว่า ต้องไม่เสียระหว่างปฏิบัติงานตามข้อสั่งการของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้คลี่คลายภาวะน้ำท่วม-น้ำหลากได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด.- สำนักข่าวไทย