10 ก.ย. – ครอบครัวสาววัย 19 ปี ที่ฉีดแอสตราเซเนกาเข็มแรก ก่อนจะป่วยและเสียชีวิต วันนี้ส่งศพชันสูตรรอบ 2 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ยืนยันผู้ตายร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ฉีดผิวขาว ไม่กินยาลดความอ้วน มั่นใจตายเพราะฉีดวัคซีนเข็มแรก
นี่เป็นภาพใบสุดท้ายที่อาจหาญถ่ายคู่กับพันซ์ แฟนสาววัย 19 ปี ทั้งคู่สัญญาจะโพสต์ภาพนี้ในวันที่ 9 กันยายน ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปี แต่สุดท้ายเป็นเพียงฝัน แฟนสาวจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่มีแม้คำร่ำลา
อาจหาญ เล่าว่า 18 สิงหาคม แฟนสาวไปฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก คืนนั้นไข้ขึ้นสูง 40 องศาฯ ปวดหัว มือเท้าเย็น เจ็บหน้าอก และหายใจไม่ออก เลยกินยาพารา เพราะคิดเพียงว่าเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ป่วยอยู่ 3 วัน ก่อนจะหายเป็นปกติ จากนั้น 1 กันยายน กลับมาป่วยอีกครั้ง กระทั่งเช้าวันที่ 5 เสียชีวิตในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี อาจหาญยืนยันแฟนสาวไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายแข็งแรง เชื่อว่าการฉีดวัคซีนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ วันนั้นไปฉีดวัคซีนพร้อมกับลูก เพราะเชื่อว่าวัคซีนตัวนี้เป็นตัวที่ดีที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะพรากลูกไป มั่นใจลูกเสียชีวิตเพราะวัคซีนโควิด ขอความเป็นธรรมให้ลูกด้วย เพราะลูกยังมีลูกสาวอายุ 4 ขวบ
ร่างของน้องพันซ์ถูกส่งไปชันสูตรที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เบื้องต้นใบรับรองการตาย ระบุว่าเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ และต้องรอผลชันสูตรประมาณ 45 วัน ครอบครัวแคลงใจ วันนี้จึงตัดสินใจส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง และครอบครัวได้ยื่นเรื่องไปที่ สปสช. ถึงสิทธิการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวจะสวดพระอภิธรรมศพน้องพั้นซ์ จนครบ 9 คืน ก่อนจะทำการฌาปนกิจในวันอังคารที่ 14 กันยายนนี้.-สำนักข่าวไทย