เมลเบิร์น 11 ส.ค. – รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครเมลเบิร์นต่ออีก 7 วัน หลังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 20 คน ในขณะที่กำลังเร่งควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก ยืนยันว่าจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่สั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านต่อไปจนถึงวันที่ 19 สิงหาคมจากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่ทราบว่าผู้ป่วยรายใหม่จำนวนหนึ่งจากยอดผู้ป่วยทั้งหมด 20 คนของวันนี้ติดเชื้อมาจากที่ใด ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ถ้าทางการรัฐวิกตอเรียตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ตามกำหนดเดิม ก็อาจจะทำให้พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในระดับเดียวกับนครซิดนีย์ในตอนนี้
ในขณะเดียวกัน นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก กล่าววันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 344 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดของรัฐ และคาดว่าจะพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง นางเบเรจิกเลียนยังระบุเพิ่มเติมว่า ทางการได้ขยายมาตรการล็อกดาวน์ไปยังหลายพื้นที่ทางเหนือของนครซิดนีย์ และจะสั่งล็อกดาวน์เมืองดับโบ ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ราว 400 กิโลเมตรเป็นเมืองล่าสุด ทั้งนี้ นครซิดนีย์มีกำหนดสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 28 สิงหาคม
ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมน้อยกว่า 37,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 944 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ดี ออสเตรเลียกลับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสให้แก่ประชาชนได้ไม่ถึงร้อยละ 25 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน นอกจากนี้ ออสเตรเลียกำลังพยายามหาทางเลี่ยงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ระยะสั้น ๆ เป็นเวลาหลายครั้ง หลังมีเสียงเตือนว่าแนวทางดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจของออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งที่สองในรอบหลายปี.-สำนักข่าวไทย