ออสเตรเลียเผชิญน้ำท่วมหนักในรัฐนิวเซาท์เวลส์
รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง หลังมีฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง หลังมีฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นครซิดนีย์ของออสเตรเลียเตรียมทำลายสถิติเป็นปีที่มีฝนตกหนักมากที่สุดในรอบ 164 ปี
เหตุน้ำท่วมยังคงสร้างความเสียหายอย่างหนักในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย โดยมีคำสั่งให้อพยพประชาชนกว่า 2,000 คน ออกจากพื้นที่
ซิดนีย์ 9 มี.ค. – ออสเตรเลียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ และประกาศเขตภัยพิบัติในหลายเมืองที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำในแม่น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวหลังเสร็จสิ้นการลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่นอร์เทิร์น ริเวอร์สของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ว่า ออสเตรเลียกำลังกลายเป็นประเทศที่อาศัยอยู่ได้ยากมากขึ้น เนื่องจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง อุทกภัยในครั้งนี้เชื่อมโยงกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในออสเตรเลียเมื่อปี 2562 ทั้งยังระบุว่า การบรรเทาอุทกภัยเป็นแนวทางที่จะช่วยผู้ประสบภัยได้มากกว่าการเข้มงวดเรื่องการควบคุมการปล่อยมลพิษของออสเตรเลีย ทั้งนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากและทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลออสเตรเลียถูกตำหนิว่ารับมือกับเหตุน้ำท่วมช้าเกินไป จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของทางการออสเตรเลียระบุว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 2 เท่าเป็น 4,000 นายลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อช่วยทำความสะอาดตามสถานที่ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมราว 385 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (9,300 ล้านบาท) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันระบุว่า ทางการจะส่งความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นไปยังเมืองลิสมอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหายหนักสุด รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 15 ก.พ.- พยาบาลจำนวนมากในรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลียผละงานเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ หลังจากการเจรจากับรัฐบาลเรื่องแก้ปัญหาขาดแคลนคนและขึ้นเงินเดือนไม่ได้ผล พยาบาลและผดุงครรภ์ของโรงพยาบาลมากกว่า 150 แห่งทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์เริ่มการผละงานเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในวันนี้ แม้ว่าคณะกรรมการอุตสาหกรรมสัมพันธ์ของรัฐสั่งห้ามเพราะจะทำให้บริการสาธารณสุขตกอยู่ในอันตราย ผู้ผละงานไปรวมตัวหน้ารัฐสภาในนครซิดนีย์ ถือป้ายประท้วงเรื่องทำงานจนเหนื่อยล้า ขอขึ้นเงินเดือนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.5 และขอให้เพิ่มสัดส่วนจำนวนพยาบาลต่อคนไข้ ด้านหัวหน้าสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุท้องถิ่นว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าผิดหวังที่พยาบาลยืนกรานผละงาน ทั้งที่ทางการกำลังหาทงแก้ไขอยู่ และว่าการเพิ่มสัดส่วนจำนวนพยาบาลต่อคนไข้อาจทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณอีกเป็นจำนวนมหาศาล เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เข้ามาในออสเตรเลียตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนโรงพยาบาลตึงตัว อย่างไรก็ดี ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ลดลงในช่วงหลายวันมานี้ โดยพบมากกว่า 23,000 คนนับจนถึงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และมีผู้ติดเชื้ออาการหนักเข้าโรงพยาบาลราว 3,000 คน จากที่เคยสูงถึง 5,400 คนเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 46 คน รวมเป็น 4,664 คน ยอดติดเชื้อสะสมราว 2 ล้าน 6 แสนคน.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 18 ม.ค. – ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น 74 คน ทำสถิติสูงสุดของประเทศนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรก ในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังคงทำให้อัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แม้ออสเตรเลียพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลงเล็กน้อยก็ตาม ทางการออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 74 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย และรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งเป็นสามรัฐที่มีประชากรมากสุดของออสเตรเลีย ทำลายสถิติสูงสุดก่อนหน้าที่มีผู้เสียชีวิต 57 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว แม้ว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 67,000 คน ใน 4 รัฐใหญ่ ลดลงจากสถิติผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุด 150,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนก็ตาม ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 1.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อมากถึง 1.3 ล้านคนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 2,700 คน ในขณะเดียวกัน นายโดมินิก เพอร์รอตเทต มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก แถลงว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 36 คน ทำสถิติสูงสุดของรัฐ ทั้งยังยืนยันว่า […]
ซิดนีย์ 13 ม.ค. – ออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 147,000 คน ทำสถิติสูงสุดของประเทศ ในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้มีอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานจนทำให้บางรัฐต้องผ่อนคลายข้อกำหนดกักตัวในกลุ่มแรงงานที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อ ออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 147,000 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอกและเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย มากถึง 92,000 คน ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและในแผนกผู้ป่วยหนักก็อยู่ในระดับสูงสุดเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียระบุว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศยังคงรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น 53 คน โดยพบผู้เสียชีวิตมากสุดที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ 22 คน อย่างไรก็ดี อัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าการระบาดก่อนหน้านี้ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 1.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน ในขณะเดียวกัน นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก เผยวันนี้ว่า รัฐวิกตอเรียจะผ่อนคลายข้อกำหนดกักตัวในกลุ่มแรงงานที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด โดยจะอนุญาตให้พนักงานของหน่วยงานบริการฉุกเฉิน สถาบันการศึกษา และการขนส่งมวลชน สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติหากไม่มีอาการป่วย ส่วนรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งมีนครบริสเบนเป็นเมืองเอก ตัดสินใจเปิดพรมแดนระหว่างรัฐอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี […]
ซิดนีย์ 12 ม.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสูงถึงร้อยละ 90 และมีร้อยละ 10 ที่ติดสายพันธุ์เดลตาจากยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั้งหมด ในขณะที่ออสเตรเลียมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นช้ากว่าเดิม เคอร์รี ชานต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก เผยวันนี้ว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสูงถึงร้อยละ 90 และมีร้อยละ 10 ที่ติดสายพันธุ์เดลตาจากยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้แผนกผู้ป่วยหนักทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์มีอัตราครองเตียงสูงราวร้อยละ 67 ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์โควิดของทางการออสเตรเลียระบุวันนี้ว่า ออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 90,847 คน แต่ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่ทางการรายงาน เนื่องจากระบบตรวจหาเชื้อโควิดของออสเตรเลียกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัว ยอดผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นถึง 33 เท่าเมื่อเทียบกับวันที่ 14 ตุลาคมปีก่อนที่มีเพียง 2,752 คนและเป็นช่วงที่ออสเตรเลียเผชิญกับการระบาดสูงสุดของสายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 27 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.2 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คน.-สำนักข่าวไทย
รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลียแจ้งวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรก และมีผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่มากกว่า 6,000 คน
ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นสองรัฐใหญ่ของออสเตรเลีย ประกาศกลับไปใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้งในวันนี้
ซิดนีย์ 3 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียระบุวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในชุมชน แต่จะยังคงเดินหน้าใช้แผนเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งด้วยความหวังว่าเชื้อดังกล่าวอาจมีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก เผยว่า นักเรียนคนหนึ่งในนครซิดนีย์เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในชุมชนโดยไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อดังกล่าวในรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้ว ขณะที่นายแบรด ฮาซซาร์ด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า การระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล แต่ตอนนี้ทั่วโลกยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าเชื้อดังกล่าวจะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับเชื้อโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 9 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าว 8 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย แม้บางรัฐได้ยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนในประเทศที่เข้มงวดขึ้น แต่รัฐบาลกลางหวังว่าจะสามารถเลี่ยงการกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบสั้น ๆ ได้ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 212,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 2,000 คน.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 9 พ.ย. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนถึง 16 เท่า ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ฉีดวัคซีนครบโดสเพียงร้อยละ 11 จากทั้งหมด 412 คนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่ในช่วงกลางดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนตุลาคม และผู้เสียชีวิตมีอายุเฉลี่ย 82 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ฉีดวัคซีนครบโดสเพียงร้อยละ 3 ที่มีอาการป่วยหนัก และพบผู้ป่วยติดเชื้อที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิดสูงกว่าร้อยละ 63 จากผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด 61,800 คนตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน-7 ตุลาคม นางเคอร์รี แชนต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุในแถลงการณ์ว่า ประชาชนอายุน้อยที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบโดสมีอัตราติดเชื้อโควิดในระดับต่ำและแทบไม่มีอาการป่วยรุนแรง ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงมากที่จะติดเชื้อโควิดและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ที่ระบุในเดือนกันยายนว่า ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิดมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสถึง 11 เท่า ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 183,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,800 คน.-สำนักข่าวไทย