กทม. 24 ก.ค. – โฆษกดีอีเอส เผยข่าวปลอม อย่าแชร์! ภาพประชาชนชาวไทยเสียชีวิต ถูกห่อไว้เป็นจำนวนมาก วอนประชาชนตรวจสอบข้อมูลถูกต้อง
น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ มีการแชร์หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความสับสนและตื่นตระหนกให้กับประชาชนและสังคม ในช่วงวิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้
สำหรับข่าวปลอมที่ได้มีการเผยแพร่ภาพผ่านโซเชียลมีเดียในวันนี้ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องภาพประชาชนชาวไทยเสียชีวิต ถูกห่อไว้เป็นจำนวนมาก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการแชร์ภาพผู้เสียชีวิตถูกห่อไว้จำนวนมาก และกล่าวว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นภาพเหตุการณ์ในประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ตรวจสอบพบว่า ภาพในข่าวที่ถูกแชร์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองเมียวดี รัฐคะหยิ่น เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีประชาชนจำนวน 22 ราย เสียชีวิตจากโควิด-19
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000
ฝากเตือนไปยังผู้ที่สร้างข่าวปลอมต่างๆ ให้หยุดการกระทำ ทุกภาคส่วนกำลังเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า ก่อนจะแชร์หรือส่งต่อข้อความใดๆ ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือถูกหลอกลวง หรืออาจไปสร้างความสับสน เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้อื่น ซึ่งการกระทำของผู้เผยแพร่ข่าวปลอม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(5) ตามแต่พฤติการณ์การกระทำผิด มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 . – สำนักข่าวไทย