ซิดนีย์ 23 ก.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่สูงสุดในปีนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเร่งยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ที่ถือเป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก กล่าวว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 136 คน ทำสถิติยอดผู้ป่วยรายวันสูงสุดในปีนี้ และตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นไปในทิศทางที่ทางการคาดหวัง ทั้งยังระบุถึงความเป็นไปได้ที่อาจขยายมาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ออกไปจากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กรกฎาคม การประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติอย่างเป็นทางการจะเปิดทางให้รัฐบาลระดับรัฐสามารถรับเงินทุนและความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางได้
ด้านรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 14 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงจากเมื่อวาน ในจำนวนนี้ พบผู้ป่วยติดเชื้อ 10 คนในระหว่างกักตัว ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1,900 คนจากการระบาดครั้งล่าสุดนับตั้งแต่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในนครซิดนีย์ที่เป็นพนักงานขับรถลิมูซีนรับส่งลูกเรือสายการบินระหว่างประเทศในช่วงกลางเดือนมิถุนายน
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ เผยวันนี้ว่า นิวซีแลนด์จะระงับโครงการเดินทางระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัว หรือทราเวล บับเบิล กับออสเตรเลียอย่างน้อย 8 สัปดาห์ โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ระงับโครงการดังกล่าวกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย และรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
ออสเตรเลียมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 32,500 คน และผู้เสียชีวิต 916 คน แต่กลับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสให้แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ได้เพียงร้อยละ 15 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน ซึ่งเป็นอัตราที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว. -สำนักข่าวไทย