ลอนดอน 25 มี.ค. – แอสตราเซเนกาเผยว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ร้อยละ 76 จากการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ของการทดลองครั้งใหญ่ในสหรัฐ และมีประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 79 ที่รายงานในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้ข้อมูลเก่า
นายเมน แพงกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ของแอสตราเซเนการะบุในแถลงการณ์ว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นมีความสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ก่อนการวิจัยสิ้นสุดที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ และยืนยันได้ว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคโควิด-19 ในผู้ใหญ่ ทั้งยังระบุว่า แอสตราเซเนกาได้วางแผนยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉินในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และได้ส่งข้อมูลล่าสุดไปให้คณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลในสหรัฐพิจารณาแล้ว นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพเต็มร้อยในการป้องกันอาการรุนแรงหรือภาวะวิกฤตที่เกิดจากโรคโควิด-19 และยังมีประสิทธิภาพป้องกันโรคสูงถึงร้อยละ 85 ในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดอ้างอิงจากผู้ป่วยติดเชื้อ 190 คนจากอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองกว่า 32,400 คนในสหรัฐ ชิลี และเปรู
แม้ผลการทดลองล่าสุดของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ร้อยละ 76 ซึ่งถือว่าน้อยกว่าวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคและวัคซีนโมเดอร์นาที่มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 95 แต่วัคซีนของแอสตราเซเนกาก็ได้รับการจับตามองว่ามีความสำคัญในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก เนื่องจากจัดส่งวัคซีนได้ง่ายและใช้ต้นทุนน้อยกว่าวัคซีนคู่แข่ง อีกทั้งยังได้รับอนุมัติให้ใช้ในเชิงการตลาดแบบมีเงื่อนไขหรือใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย